[รีวิว] 55 ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ “ความลับของความสุข : Secrets of Happiness” [เล่มที่ 47 ของปี 2023]

ความลับของความสุข - krapalm IMG 2023 05 04 130010 - ภาพที่ 1

เคยเขียนแนะนำหนังสือ ความลับของความสุข : Secrets of Happiness ไปแล้ว ณ ตอนที่เขียนแนะนำก็เป็นช่วงที่กำลังอ่านพอดี เล่มนี้ถือเป็นเล่มที่ 47 ของปี 2023 เป็นหนังสือที่มีความหนาถึง 400 หน้า เนื้อหาพูดถึง 100 ความลับที่ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น แต่เนื้อหาจริงๆ มีถึง 138 เรื่องเลย

ถ้าคุณกำลังมองหาหนังสืออ่านเพลินที่ได้แง่มุมในการใช้ชีวิตและการทำงานอย่างมีความสุขเพิ่มมากขึ้น นี่คือหนังสือเล่มนั้น เหมือนบทบันทึกของเพื่อนที่กลั่นกรองมุมคิดดีๆ เทคนิคน่าสนใจ อ่านง่าย ใช้ได้จริง เล่าด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง จนคุณอาจอ่านเพลินจนจบภายในเวลาไม่กี่วัน และทวนช้ำได้อีกบ่อยๆ

คัดสรรจากงานเขียนในเพจ Roundfinger ซึ่งมีผู้ติดตามเกิน 1 ล้านคน หลากหลายโพสต์ที่ได้รับความนิยมจำนวนมาก รวมมาให้คุณอ่านอย่างจุใจในเล่มเดียว เมื่ออ่านจบคุณจะพบ “ความลับของความสุข”

55 ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ “ความลับของความสุข : Secrets of Happiness”

1. ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนเพราะคำพูดของใครบางคน แต่คำพูดที่มีพลัง ทำให้เราอยากเปลี่ยนพฤติกรรมจากนั้นชีวิตจึงค่อยๆเปลี่ยนแปลง

2. อ่านอย่างเดียวไม่เปลี่ยน ฟังอย่างเดียวไม่เปลี่ยน อ่านฟัง แล้วทำ จึงเปลี่ยน

3. ภาพในใจ ที่เรามีต่อตัวเองเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่พิสูจน์มาครั้งแล้วครั้งเล่าจนเน้นย้ำว่าสิ่งนี้คือความจริง

4. เมื่อไม่ยึดติดว่าฉันเป็นแบบนี้เราจะพบตัวเองในเวอร์ชั่นอื่น

5. สิ่งที่คิดฝันขึ้นมาเมื่อไม่ลงมือทำจึงไม่ได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่อง ไม่ได้แปลงความไม่รู้ให้กลายเป็นความรู้

6. คำพิพากษาจากผู้คนมีผลร้ายต่อจิตใจ แต่ความกลัวเจ็บเป็นเรื่องเข้าใจ ได้แต่ความกลัวและไม่ลงมือทำก็เป็นความเจ็บอีกแบบ

7. ความสม่ำเสมอคือรากฐานความสำเร็จในระยะยาว ในตอนเริ่มต้นมีคนออกสตาร์ทพร้อมเราจำนวนมาก นักฝันมีมาก นักลงมือทำมีน้อย แต่น้อยกว่านั้นคือคนที่ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ

8. สิ่งดีๆ ที่เราได้รับรู้มาจะทำปฏิกิริยากับหัวใจเรา เกิดไฟลุกโชน วิธีเก็บรักษามันไว้คือ ลองเก็บมาทำ (ปฏิบัติ) ตั้งแต่ตอนที่ยังมีไฟ หรือยังมีความคิดว่ามันดีจังเลยพอปฏิบัติ ไฟจะไม่มอด

9. ต้องหัดพูดบ่อยๆ ว่า “ผมไม่รู้” ครั้งแรกอาจจะยาก แต่พอพูดบ่อยๆ แล้วจะกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่เราจะไม่รู้ “ผมไม่รู้” นี่แหละคือประตูทางเข้าของความรู้

10. คนยอมโง่จึงฉลาดขึ้น คนที่นึกว่าตัวเองฉลาดมักจะโง่ลง

11. อัตราน้อยก็ทุกข์น้อย จึงไม่ควรเรียกคนไม่รู้ว่าคนโง่ เพราะคนทุกข์น้อยย่อมไม่โง่

12. หากไม่รู้แล้วถามตอนนี้อาจจะดูโง่ตอนนี้ แต่ถ้าไม่ถามจะโง่ไปอีกนาน

13. ยิ่งเติบโตมากขึ้นยิ่งต้องการทั้งคนเขกกะโหลกและคนลูบหลัง ทั้งสอนล้วนเป็นคนที่หวังดีกับเราอย่างแท้จริง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราปรารถนาดีต่อเขาเช่นกัน

14. ลานชีวิตมันกว้างความเป็นไปได้มีมาก ถ้าไม่ขีดเส้นไว้แคบๆ ว่าต้องแบบนี้เท่านั้นถึงจะดี เมื่อต้องเปลี่ยนบทบาท เปลี่ยนพื้นที่ เปลี่ยนสถานะ เราจะพบว่ามันก็เป็นอีก “ความเป็นไปได้” หนึ่งของชีวิต ไม่ได้แย่ แค่ชั่วคราว เดี๋ยวเราก็ไปเป็นอย่างอื่นแล้ว

15. เสียงตักเตือนที่สมเหตุสมผลเป็นกระจกสะท้อนความจริง แม้เป็นความจริงที่เราไม่อยากมองมันเต็มๆ ตาแต่ความจริงประเภทนี้เองที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพฤติกรรม ความคิด และจิตวิญญาณ

16. มั่นใจเกินไปก็ไม่ดี ไม่มั่นใจเลยก็ไม่ดี มั่นใจว่าตัวเองดีสำคัญ ขณะเดียวกันก็ตระหนักว่ามีเรื่องที่เราต้องพึ่งคนอื่น เป็นจุดอ่อน เป็นข้อด้อย แต่ช่องโหว่นี่เองที่เปิดโอกาสให้เชื่อมโยง พึ่งพา ให้คนอื่นได้เติมเต็มเรา เกิดเป็นความสัมพันธ์ มิตรภาพ และการต่อยอด

17. มองเห็นข้อดีของตัวเองจึงสำคัญ มองเห็นข้อด้อยของตัวเองยิ่งสำคัญ ไม่มองข้ามข้อใดข้อหนึ่งสำคัญยิ่ง

18. ชีวิตคือการเดินดุ่มไปในความไม่สมบูรณ์แบบ คำตอบทั้งผิดและถูก ชอบและไม่ชอบ ใช่และไม่ใช่ อย่าลืมสนุกกับการเดินทางผ่านเรื่องราวร้ายดีเหล่านี้โดยไม่ต้องตั้งเป้าหมายชัดๆ ตายตัวว่าต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น และสนุกที่มันจะไม่เป็นแบบนั้น สนุกกับการออกนอกเส้นทางที่ตัวเองขีดไว้ สนุกกับการที่ชีวิตไม่ได้มอบสิ่งที่เราคาดหวังไว้ แต่ให้สิ่งอื่นที่ดีไปอีกแบบ

19. สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเป็นอดีตในวันถัดไป มันจะมีคุณค่าต่อเมื่อเราทำความเข้าใจและหา “หลักการ” จากมันว่าทำไมจึงเกิดขึ้นทำแบบไหนจึงล้มเหลว เจ็บปวดเพราะอะไร รักษาความเจ็บปวดมาได้อย่างไร

20. เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ขอบคุณอดีตที่ทำให้แก้ไขอนาคตได้

21. บางงานไม่ได้ผลตอบแทนเป็นรายได้ แต่ตอบแทนกลับมาเป็นอย่างอื่น เช่น ประสบการณ์ชีวิต ได้รู้จักคนใหม่ๆ ได้รับความอิ่มเอมใจ ได้ผ่อนคลายสร้างสรรค์ เหล่านี้ก็สำคัญต่อชีวิตเช่นกัน

22. ถ้าตัดสินใจจาก “ค่าจ้าง” หรือ “รายได้” อย่างเดียวเราอาจพลาด “ผลตอบแทนที่มองไม่เห็น” หรือ “รายได้” ในอนาคตเหล่านี้ไป

23. งานกินเวลาส่วนใหญ่ของชีวิต หากมีความสุขกับงานย่อมมีความสุขกับชีวิต

24. ราคาของประสบการณ์มีจริง คนประสบการณ์สูงเคยผิดหลายหน เขาจ่าย “ค่าเล่าเรียน” ให้กับความผิดพลาดนั้นมามาก จึงไม่ผิดง่ายๆ อีก คนเก่งจึงค่าตัวสูง

25. ไม่ว่าชีวิตจะยุ่งแค่ไหน ถ้าอยากทำสิ่งใดก็ตาม จง “สร้างเวลา” สำหรับสิ่งนั้นขึ้นมา แล้วลงมือทำมัน

26. การที่คนนึงมีโอกาสเลือกว่าจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องของปัจเจกเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับระบบและโครงสร้างในสังคมด้วย เราต่างอยากทำงานที่ได้ดี ทำแล้วชอบ ทำแล้วภูมิใจ ทว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อสังคมไม่ได้โยนความรับผิดชอบมาไว้บนบ่าของปัจเจกบุคคลเท่านั้น ระบบโครงสร้างสังคมต้องเกลี่ยโอกาสและเกื้อกูลกันมากกว่าควบความรวยและความได้เปรียบไว้ที่คนกลุ่มเล็กๆ

27. ความสำเร็จของแต่ละคนมีองค์ประกอบซับซ้อน ลอกเลียนกันยาก เราอาจเรียนรู้บางอย่างได้ แต่ต้องตระหนักในรายละเอียดของ “โชค” และ “ความเสี่ยง” ที่แตกต่างกันด้วย หากใครกำลังประสบความสำเร็จอยู่ ก็น่าคิดว่า “โชค” มีส่วนสักกี่เปอร์เซ็นต์ และถ้าใครยังไปไม่ถึงเป้าก็อาจอภัยตัวเองได้เมื่อมองเห็นว่ามี “ความเสี่ยง” มากมายที่เป็นตัวแปรระหว่างทาง เมื่อเข้าใจสิ่งนี้แล้วเราย่อมไม่กดดันตัวเองว่าต้องสำเร็จในรูปแบบของคนอื่นที่เราชื่นชมหรืออิจฉา

28. ในชีวิตนี้จะมีเวลาที่คุณทำได้และมีเวลาที่คุณล้มเหลว แต่ไม่ว่าการทำได้หรือล้มเหลวก็ไม่ใช่ตัววัดความสำเร็จทั้งนั้น ตัววัดความสำเร็จที่แท้จริงคือสิ่งที่คุณคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ

29. วิธีที่จะมีความสุขคือชอบตัวเอง และวิธีชอบตัวเองคือทำเฉพาะสิ่งที่ทำให้คุณภูมิใจ

30. บางช่วงเวลาเราอาจให้ความสำคัญกับความ “สำเร็จ” หรือ “ล้มเหลว” แต่เมื่อชีวิตผ่านไปถึงจุดหนึ่ง สิ่งที่มองเห็นชัดกว่า 2 คำนั้น คือคุณค่าของความพยายาม เมื่อถึงวันที่ได้ย้อนมองกลับไป ความพยายามอย่างถึงที่สุดในช่วงเวลายากลำบากที่สุดนี่เองทำให้เราภาคภูมิใจกับตัวเอง และชอบตัวเอง

31. ความสำเร็จของคนอื่นไม่เกี่ยวกับความสุขของเรา ความสำเร็จของเราก็ไม่ต้องหวังเทียบกับคนอื่น

32. ความสำเร็จของเรามีขนาดพอเหมาะกับความสามารถของเรา เหมาะกับเรี่ยวแรงที่พอจะรับมือไหว มันดีงามและยิ่งใหญ่สำหรับเราแล้ว ปิดตามองความสำเร็จของคนอื่นบ้างก็ได้ เฉลิมฉลองและใส่ใจกับความสำเร็จของตัวเอง

33. ไม่มีสิ่งใดเล็กน้อยเกินกว่าจะรู้สึกดี เมื่อทำบางอย่างได้ดีก็คู่ควรต่อการมีความสุข โดยไม่ต้องเทียบกับใครเลย เพราะโลกนี้มีคนให้เทียบไม่รู้จบ และเงื่อนไขชีวิตของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน

34. เวลาเป็นทรัพยากรจำกัด ทุกครั้งที่ใช้เวลาไปกับอย่างอื่นก็ลดทอนเวลาที่เราจะใช้ไปกับสิ่งที่เราอยากทำหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

35. ความฝันนั้นพูดให้ตัวเองฟังครั้งเดียวก็พอ ที่เหลือควรใช้เวลากับการเดินทาง แก้ไข ปรับปรุง และพัฒนา

36. ทุกเรื่องราวต่อให้ดีแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายมันต้องสิ้นสุดลง ทุกความสำเร็จก็เช่นกัน

37. ความสำเร็จไม่ได้มีไว้ทำซ้ำ เพื่อสำเร็จครั้งต่อไป ต้องรู้จักปิดจากความสำเร็จเดิมด้วย

38. ชีวิตไม่ต้องแก้ไขทุกปัญหาก็ได้ แก้ได้บ้างก็น่าดีใจแล้ว มิควรสร้างปัญหาให้ตัวเองด้วยการพยายามแก้ทุกปัญหา หรือคาดหวังว่าชีวิตและการทำงานต้องปราศจากปัญหา เพราะนั่นอาจเป็นปัญหาใหญ่

39. คนส่วนใหญ่มักเจอปัญหาถึง 2 ชั้น 1 คือตัวปัญหาเอง 2 คือความคิดว่าเราไม่ควรมีปัญหา (ซึ่งนี่แหละคือปัญหา)

40. ความคิดเป็นบ่าวที่ดี แต่เป็นนายที่เลว ถ้ามันเป็นบ่าวเรามันช่วยเราได้เยอะ ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ มากมาย แต่ถ้าปล่อยให้มันเป็นนายเรานี่เราแย่ จะถูกมันปั่นหัว ถ้าจะเป็นนายความคิดได้ต้องรู้จักวางความคิด เราจะรู้เท่าทันมันดีขึ้น ถึงเวลาจะคิดก็คิด ถึงเวลาไม่คิดก็วางมันลงได้

41. คิดตอนที่ต้องคิด วางความคิดตอนที่ไม่ต้องคิดแล้ว

42. คิดเมื่อต้องคิด กินเมื่อต้องกิน นอนเมื่อต้องนอน

43. เพราะบ้า เราจริงเป็นปกติ ถ้าไม่อนุญาตให้ตัวเองบ้าเลยและพยายามประคับประคองความเป็นปกติไว้ตลอด สุดท้ายเราจะกลายเป็นบ้า บางทีช่วงเวลาบ้าๆคือช่วงเวลาที่เราอนุญาตให้ตัวตนอีกตัวตนหนึ่งของเราได้ออกมา

44. โลคเร่งเร้าให้เราขยัน ประสบความสำเร็จ วิ่งให้ทันโลก เป็นบรรยากาศอันชวนให้เหน็ดเหนื่อย “คนพักเป็น” คือคนที่น่าชื่นชม เพราะเป็นอิสระจากค่านิยมที่บอกให้วิ่งไว แต่ลืมถามว่าวิ่งไปไหน

45. การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีนับเป็น”ฝีมือ” แบบหนึ่ง

46. ทุกคนมีข้อจำกัดที่จะเห็น คิด รู้ เข้าใจเพียงบางอย่างและบางแบบเท่านั้น

47. ในความสัมพันธ์ให้เราทำตัวเหมือน “เก้าอี้” ให้ลองสังเกตว่าถ้าเก้าอี้ตัวไหนนั่งสบาย รู้สึกว่ามานั่งเมื่อไหร่ก็สบายตัวสบายใจ อยากกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้นบ่อยๆ

48. ความสัมพันธ์เรามักคิดว่าต้อง “ทำ”อะไรจึงสร้างสัมพันธ์ที่ดี แต่ในอีกมุมซึ่งสำคัญไม่แพ้กันเราต้องรู้ได้ว่า “ไม่ทำ” อะไรจึงเกิดระยะห่างที่สบายใจ

49. คัมภีร์ในตำนาน หน้าแรกมันเขียนว่า “สม่ำเสมอและทำต่อไป” พลิกอีกหน้าเขียนว่า “ถ้าไม่ได้ดั่งใจให้ปล่อยวาง แล้วพลิกไปอ่านหน้าแรก”
50. “ดีกับชั่วมันเลวพอๆ กัน ความดีกับความชั่วพอๆ กันนั่นแหละ มันทุกข์เท่ากัน” ดี-ชั่วในความหมายนี้หมายถึงถ้าเรายึดเอาความดีเป็นของตัวเองว่าต้องดีแบบนี้เท่านั้น ก็นำมาซึ่งความทุกข์ไม่ต่างจากเวลาที่เราทำชั่ว ดีหรือชั่ว ถ้ายึดล้วนทำให้เราทุกข์ได้ทั้งนั้น

51. รายรับที่มากขึ้นอาจแลกมาด้วยความเหนื่อยทวีคูณ ความสำเร็จใหญ่โตแรกด้วยความกดดันที่บ่อนทำลายสุขภาพใจ

52. บางทีการมีมากขึ้นไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น การทำให้มากที่สุดไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม

53. ชีวิตที่สวยงามคือชีวิตที่มีเวลาชื่นชมแสงสว่างจากคนอื่น ไม่ใช่เอาแต่หมกมุ่นว่าจะทำยังไงฉันถึงจะส่องสว่างที่สุด

54. ใช้เวลากับสิ่งที่ตัวเองสนใจ แทนที่จะใช้ไปกับการเรียกร้องความสนใจ

55. แม้โลกมีผลต่อเรา แต่โลกไม่ใช่ตัวเราทั้งหมด เราต้องการเวลาเพื่อทำความเข้าใจตนเอง เมื่อเข้าใจตนเองจริงมั่นคงไม่หวั่นไหว เราต้องการเวลาเพื่อผูกพันกับคนใกล้ชิด เมื่อเติมเต็มจากความสัมพันธ์เราจะไม่โหยหาเรียกร้องจากการยอมรับจากคนอื่นจนว่างโหวง เมื่อมีความมั่นคงในจิตใจโลกจะมีผลต่อเราน้อยลง ตรงกันข้ามเราจะมีแรงในการผลักโลกมากขึ้นอย่างน้อยโลกใบเล็กๆที่เรามีบทบาทอยู่