[รีวิว] สรุปเนื้อหาหนังสือ ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว! (สปอยเนื้อหาของหนังสือบางส่วน)

ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว - krapalm 2023 01 19 171624 - ภาพที่ 1

หนังสือ ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว! ว่าด้วยเรื่องเทคนิคเกี่ยวกับการมองโลก และการเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งในโลกแห่งความจริงและในโลกโซเชียลที่ผู้เขียนได้คิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเอง เพื่อที่เราจะได้รู้วิธีการอยู่ร่วมกับคนอื่น และรู้วิธีเยียวยาจิตใจของเราเอง เพราะจิตใจเป็นสิ่งที่ยุ่งยากและซับซ้อน ที่สำคัญเรานั้นพกจิตใจไปด้วยตลอด 24 ชั่วโมง แถมเรายังพกมันไปในโลกโซเชียลที่เชื่อมโยงถึงผู้คนโดยไม่จำกัดระยะทางและเวลาด้วย (จิตใจไปกับเราทุกที่)

ยิ่งหากเราเจอเรื่องที่แย่ ๆ เรื่องที่มันเป็นด้านลบน่าจะทำให้คนเราตกอยู่ในสภาพที่เรียกว่า “จิตใจเป็นพิษ” หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนคู่มือสำหรับการดูแลสภาพจิตใจ ในเมื่อจิตใจเป็นสิ่งที่ยุ่งยากบางคนอาจจะคิดว่าต้องให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลสภาพจิตใจของเรา แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่จำเป็นเสมอไป เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ต้องเรียนรู้จิตใจผ่านจิตใจของตัวเองให้ได้

หนังสือเล่มนี้จึงรวบรวมเทคนิคมากมายที่ผู้เขียนได้คิดค้นขึ้นมาท่ามกลางการเผชิญปัญหาต่างๆในโลกมาหลายปี มีเทคนิคในการรักษาความสัมพันธ์กับผู้คนที่เราพบเจอในชีวิตจริง ถึงแม้เราจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเรามีมุมมองที่แตกต่างกันไปแต่การรักษาความสัมพันธ์กับผู้คนนั้นเป็นเรื่องที่น่าหนักใจอยู่ดี

เนื้อหาในหนังสือ ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว!  จะแบ่งทั้งหมดเป็น 64 หัวข้อ ที่รวบรวมเคล็ดลับในการคิดหรือวิธีคิดช่วยให้เราไม่จมกับปัญหาและความรู้สึกแย่ ๆ โดยฝั่งหน้าซ้ายของหนังสือจะเป็นการ์ตูนที่อธิบายเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เราได้ชวนคิด ตั้งคำถามและมีมุมมองที่แตกต่างออกไป ส่วนด้านขวาจะเป็นการอธิบายเพิ่มเติมจากการ์ตูนด้านซ้ายในการเลือกเทคนิคอะไรในการมองแต่ละเรื่อง หรือให้คำตอบของเรื่องนั้นยังไง เพื่อให้เราเกิดความสบายใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ

และพอจบบทก็จะสรุปเป็นข้อความสั้น ๆ ในเทคนิคของแต่ละหัวข้อ

ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว - krapalm 2023 01 19 171626 - ภาพที่ 3

[รีวิว] สรุปเนื้อหาหนังสือ ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว! (มีสปอย)

ในบทนำพูดเอาไว้น่าสนใจว่าในปัจจุบันโซเชียลเน็ตเวิร์คแพร่หลายอย่างกว้างขวาง ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยมีมาก่อนก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ในขณะเดียวกันความเป็นส่วนตัวของเราก็ค่อย ๆ ลดลง เมื่อก่อนเราอาจจะมีปัญหากระทบกระทั่งกับคนที่เรารู้จักเท่านั้น แต่พอมีโซเชียลเน็ตเวิร์ค เราก็อาจจะมีปัญหากับโลกกระทั่งกับคนได้ทั้งโลก แม้กระทั่งคนที่เราไม่รู้จักเลย

แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังต้องรักษาความสัมพันธ์กับคนที่พบเจอในชีวิตจริงด้วย นั่นหมายความว่าปัญหาการกลุ้มใจของคนที่ใช้ชีวิตในยุคนี้จะเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนหลายเท่า

สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองต้องรับมือกับการอยู่บนโซเชียลตลอดเวลา ต้องคอยตอบคอมเม้น กดติดตามกลับคนที่มาติดตามเรา คอยกดไลค์ให้กับคนที่เรารู้จักเพียงเพราะคำว่าต้องรักษามารยาท

ในหนังสือเล่มนี้ให้แนวคิดว่าในการตอบกลับ หรือกดติดตาม ควรทำเฉพาะตอนที่อยากทำก็พอ เพราะบนโลกโซเชียลนั้นเมื่อข้อความถูกส่งออกไปถือว่าผู้ส่งบรรลุเป้าหมายแล้ว การกดติดตามก็เหมือนกัน ที่อีกฝ่ายกดติดตามเราเพียงเพราะอยากอ่านข้อความของเราเท่านั้น เรียกว่าทุกคนแค่ทำตามความพอใจของตัวเอง ฉะนั้น คิดแค่ว่าเราควรตอบกลับ หรือควรติดตามตามความพอใจของตัวเองก็พอแล้ว

หรืออีกแนวคิดที่เราชอบมากเพราะมันตรงกับเรามาก ๆ คือ การรู้สึกแย่เมื่ออีกฝ่ายอ่านข้อความแล้วไม่ตอบกลับ บนโซเชียลนั้นมีอีกฝ่ายอ่านข้อความที่เราส่งไปแล้วจะมีการแสดงข้อความว่า “อ่านแล้ว” มันสร้างความสะดวกก็จริง แต่พออีกฝ่ายอ่านแล้วไม่ตอบกลับก็จะทำให้เรารู้สึกว่า “โดนเมิน” หรือ “ไม่สนใจเราเลย” ก็ได้

บางครั้งเราอาจจะรู้สึกกังวลหรือหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับ ซึ่งเรามักจะคาดคะเนสถานการณ์ของอีกฝ่าย โดยยึดตามสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ เช่น ถ้าเราเป็นคนขยันที่ตอบกลับข้อความคนอื่น และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สามารถดูโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา เราก็จะรู้สึกว่า “เรายังทำได้เลยทำไมเธอถึงไม่ทำแบบเดียวกันล่ะ

แต่หนังสือเล่มนี้ให้แนวคิดว่า ไม่ว่าเครื่องมือที่เราใช้สื่อสารกันกันพัฒนาไปมากแค่ไหน แต่คนที่ใช้งานเครื่องมือก็คือ “มนุษย์” บางคนไม่สามารถดูมือถือได้ในตอนที่อยากดู หรือบางคนอาจจะพิมพ์ข้อความไม่เก่ง ดังนั้น ถ้าอีกฝ่ายไม่แสดงปฏิกิริยาตอบกลับอย่างที่เราคาดหวังไว้ เราก็อยากให้คิดว่า อีกฝ่ายมีเหตุจำเป็นบางอย่าง เมื่อคิดแบบนี้แล้วก็น่าจะสบายใจขึ้น

มีอีกบทหนึ่งที่เราชอบ และเราก็เอามาใช้จริง ๆ โซเชียลเน็ตเวิร์คมีข้อความทั้งเครื่องดี ๆ ที่ทำให้อิ่มเอมใจ และเรื่องแย่ ๆ ที่ทำให้ถูกใจ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการหาข้อความบนเรื่องโซเชียลเน็ตเวิร์คได้

ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว - krapalm 2023 01 19 171626 3 - ภาพที่ 5

ในหนังสือได้ให้แนวคิดว่า เวลาที่เราออกไปเดินในเมืองเราจะมองเห็นภาพวิวทิวทัศน์มากมาย ทั้งสวยงามและไม่สวยงาม แต่คงไม่มีใครที่มองเห็นกองขยะแล้วเอาขยะกลับมาบ้านด้วย ในเมื่อมีสิ่งสวยงามอยู่มากมาย เราก็เลือกเก็บแต่สิ่งสวยงามเหล่านั้นกลับมาบ้านเราก็น่าจะมีความสุขมากขึ้น ดังนั้น เวลาเล่นโซเชียล ลองอ่านแต่ข้อความที่เป็นแง่บวก และอย่าใส่ใจกับข้อความที่เป็นแง่ลบ

อีกเรื่องคือการใช้โซเชียลเพียงเพราะไม่อยากตกข่าว ในหนังสือให้แนวคิดว่า ถึงแม้จะตรวจสอบข้อมูลตลอดทั้งวันเพื่อไม่ให้ตกข่าว แต่ส่วนใหญ่ข้อมูลนั้นเป็นในแง่ลบและมักจะเป็นเรื่องไกลตัว และเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้ “เดี๋ยวนี้” ก็ได้ และถึงแม้จะติดตามเรื่องนั้นอย่างใกล้ชิดเราก็แทบจะไม่สามารถจัดการอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้อยู่ดี

หนังสือให้แนวคิดว่าคำพูดแย่ ๆ ของคนอื่นมันมีพลังเหมือนกับเวทมนต์ แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจซะ อย่างมันก็ทำอะไรเราไม่ได้ ไม่ว่าเวทมนต์นั้นจะมีพลังแค่ไหน ขอแค่มันไม่โดนตัวเราซะอย่าง เราก็จะไม่เป็นอะไรเลย คำพูดแย่ ๆ ก็เหมือนกันเรา จะจิตใจบอบช้ำหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเรารับมือกับมันอย่างไร

และมาถึงไฮไลท์ของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อหนังสือ ถ้าเราเคยมีปัญหาด้านความสัมพันธ์และรู้สึกแย่ไม่หายสักที หนังสือเล่มนี้ให้แนวคิดว่า คนที่ทำเรื่องแย่ ๆ มาก็จำเรื่องตัวเองไม่ได้ ดังนั้น ถึงเราจะจำและกังวลไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่ว่าจะคิดเรื่องของคนอื่นที่ทำให้เรารู้สึกแย่แค่ไหน แต่อีกฝ่ายก็คงไม่ได้ใส่ใจอะไรเราเลย เราไม่จำเป็นต้องเฝ้าคิดถึงคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ ทั้งยามหลับและยามตื่น ราวกับว่าเราตกหลุมรักเขา เพราะ “ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว”

ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว - krapalm 2023 01 19 171626 2 - ภาพที่ 7

และถ้าเราไม่ชอบใคร อย่าพาเขามาอยู่ในใจเรา มันเปรียบเสมือนเรายกพื้นที่ในบ้านให้คนที่เราไม่ชอบไปอยู่ จะให้เขาไปอยู่กับเราตลอดชีวิตเลยหรอ การให้คนพวกนี้มาอยู่ในใจเราตลอดเวลาก็เหมือนกับการอยู่ด้วยกันทำอย่างหลับและยามตื่น ลองนึกภาพว่าเราอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับคนที่เราไม่ชอบ และเรายังเช่าบ้านให้เขาอยู่ด้วย ลองนึกดูว่ามันอึดอัดแค่ไหนอย่าให้คนที่เราไม่ชอบเข้ามาอยู่ในใจเรา

หนังสือ ป่านนี้เขานั่งกินไอติมสบายใจเฉิบไปแล้ว! อ่านง่ายมาก ใช้เวลาอ่านแปบเดียวจบ น่าจะอ่านจบเร็วที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมาแล้ว ภาษาเข้าใจง่าย รูปประกอบสวย เล่มนี้เหมาะกับคนหลายกลุ่มโดยเฉพาะคนที่อยากเป็นที่รักของผู้คนหรือไม่อยากถูกคนอื่นเกลียดหนังสือเล่มนี้จะตอบโจทย์มากๆ