ออกตัวก่อนว่า
- อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆ เราจ่ายและใช้บริการเอง
- นี่ไม่ใช่การปรึกษาครั้งแรก และเราอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจว่า การปรึกษาจิตแพทย์-นักจิตวิทยา มันคือเรื่องปกติ เหมือนเป็นไขก็ไปหาหมอ
- เราไม่ลงลึกนะว่าปรึกษาเรื่องอะไร ค่อนข้างส่วนตัว
บทความนี้เป็นเรื่องราวต่อจากเรื่องจิตบําบัด ตอนนี้เข้าถึงง่าย หลักๆ คือมีปมในอดีตบางอย่างที่มันฝังใจ ตอนแรกเราคิดว่าเราเอาอยู่ แต่ตอนนี่เรากำลังจะเริ่มต้นอะไรบ้างอย่าง เราเลยอยากจะเคลียร์มันออก เพื่อให้สิ่งที่กำลังจะเลือกมันใช่ตามที่เราต้องการ
สำหรับใครที่ไม่เคยปรึกษาจิตแพทย์-นักจิตวิทยา (ใครเคยข้ามไป)
- การเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและการรักษาที่เหมาะสมกับภาวะทางจิตที่กำลังเผชิญ สำคัญมาก (เราเลือกได้ แต่เสียเงินเอง)
- เราต้องใช้เวลาหลายรอบในการพูดคุย กว่าจะคุ้นเคยกับการบำบัดจิตกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา (ไม่เหมือนไปตรวจไข้แล้วเอายากลับไปกิน)
- ถ้า 4-5 รอบแล้วรู้สึกว่าไม่ช่วย ไม่ควรฝืนทำต่อไปโดยที่รู้สึกไม่ใช่ ควรบอกหมอตรงๆ
- ต้องสะดวกใจ และเปิดใจที่จะเล่าได้ทุกเรื่อง ถ้าอยากได้แค่ความสบายใจ แต่ไม่อยากเล่าทั้งหมด แนะนำให้หาเพื่อนสนิทๆ ใจ เล่าแทน
- ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าสาเหตุการเครียดเพราะอะไร
- ควรเล่า และพูดสิ่งที่คิด สิ่งที่รู้สึกให้มากที่สุด หมอจะได้ข้อมูลมากขึ้น
เริ่มต้นพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา
- จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา อันนี้เราตอบไม่ได้นะ ต้องติดต่อ รพ. และอธิบายสาเหตุที่อยากขอคำปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำอีกทีว่าควรพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา
- แล้วถ้าแค่เครียดล่ะ? (ต้องมั่นใจว่าตัวเองแค่เครียดจริงๆ นะ อย่าโมเม มันสำคัญต่อการรักษา) กรณีนี้เราทำบ่อย คือตรงดิ่งหานักจิตวิทยาเลย มีให้บริการออนไลน์เยอะมาก หลายเจ้า เลือกเอาได้เลย
- นักจิตวิทยาในมุมเราคือ เหมือนเพื่อนคนที่เราไว้ใจมากๆ ที่เขาจะรับฟัง และพาเราเข้าไปดูสิ่งที่เกิดปัญหากับเรา โดยไม่ตัดสินเรา และไม่ได้บอกทางแก้ ไม่ต้องกังวล
- ปรึกษาจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาการปรึกษาออนไลน์ วันนี้เราใช้ผ่าน ooca
วิธีการขอรับคำปรึกษา
- เราต้องเลือกคนที่เราอยากปรึกษาเอง แต่ละท่านจะมีความถนัดแตกต่างกัน เลือกเอาให้ใตรงกับปัญหาตัวเอง
- ค่าบริการแต่ละท่านไม่เท่ากันนะ แต่ยอมจ่ายเถอะ เรายืนยันว่ามันช่วยได้
เริ่มต้นด้วยการพูดคุย เราเล่าถึงปัญหาของเรา ตรงนี้สำคัญมาก เพราะสิ่งที่เราพูดจะมี keyword ที่หมอจะจับทางเพื่อช่วยให้คำปรึกษาเรา พยายามพูดสิ่งที่คิด ยิ่งที่หนักใจ ต้องเปิดใจและสะดวกใจมากๆ ที่จะเล่า
เพิ่มเติม คนเรามักมีปัญหาหลักคือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต คุณไม่ต้องแยกเอง หมอจะแยกให้
แชร์ประสบการณ์การพบนักจิตบำบัด ผ่านแอป ooca
เขาจะมีคำถามถามเรื่องเรื่อยๆ ตรงๆ ควรจะคิดและตอบตามตรง ไม่มีประโยชน์ที่จะจ่ายเงินไปเพื่อโกหกหมอ
เขาฟังเราด้วยความตั้งใจฟัง ฟังที่หมายถึงฟังจริงๆ ฟังทุกประโยค ไม่ใช่ฟังที่หมายถึงว่าแค่ได้ยินเสียงผ่านหู ไม่พูดแทรก ไม่ตัดสินสิ่งที่เราทำไปว่าดีหรือไม่ดี แย่หรือเลว และเขา support เรา ให้กำลังใจเรา
ด้วยวิธีการพูดคุยของเขา จะพาเราเดินเข้าไปท่องเที่ยวในจิตใจของเราเอง
โดยมีหมอนำทาง แล้วเราเดินตาม เดินสำรวจดูไปเรื่อยๆ มีหยุดคิดวิเคาะห์ในแต่ละเหตุการณ์ของชีวิต ในกรณีของผมก็ลากยาวกลับไปถึงตอนเด็กเลย หมอจะทำให้เราให้ว่าจากตอนนั้น มันส่งผลถึงตอนนี้ได้ยังไง เพราะอะไร เราถืออะไรจากตอนเด็กมาใช้ตอนโต
บางอย่างที่ค้นพบกลายเป็นว่า แม้เราจะถือของดีมาจากตอนเด็ก แต่ของดีนั้นมันส่งผลต่อเราได้ทั้งบวกและลบ
เราได้ค้นพบว่าจริงๆ แล้วปัญหาที่เราเจออยู่ เราคิดว่าต้นตอมันคงอยู่แถวๆ 1-2 หรือ 3-4 ปีนี่แหละ แต่มันไม่ใช่เลย (ไม่ได้ลงรายละเอียดนะว่าเรื่องอะไร)
หลังคุยจบ เรารู้สึกสบายใจมาก เราไม่ได้แบกมันแล้ว เรายิ้มมองมันด้วยน้ำตาของความเข้าใจ เราไม่ได้มองความกังวลนั้นแบบใน 45 นาทีก่อนหน้าอีกแล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่เราไม่ได้แบกมันเรา แล้วสบายใจ และเรากำลังเดินต่อ พร้อมเริ่มต้นใหม่ที่สิ่งที่กำลังจะเลือกต่อไป….
สุดท้ายหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน อภัยที่เราไม่สามารถลงรายละเอียดเรื่องราวที่พูดกับได้ อาจจะตกลงบ้าง เพราะคุยเสร็จก็ประชุมต่อ ลืมไปบ้าง
พบนักจิตบำบัดจบ 45 นาทีเต็ม 1,000 บาท สบายใจไม่ต้องถูก judge