เราเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับ introvert มา 2-3 เรื่อง อย่างที่เคยเขียนไว้ในเรื่องก่อน ๆ ว่าเราเองก็เป็น introvert เราชอบที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว เราสามารถมีความสุขได้ด้วยการอยู่คนเดียว เรีกยว่าอยู่คนเดียวแล้วมีความสุข และรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่คนเดียว
มีหลายครั้งที่เรารู้สึกได้ว่า ช่วงเวลาที่ได้อยู่คนเดียวจะมีความสุขที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตอนนั่งทำงานคนเดียวเปิดเพลงฟังไปด้วย ฟัง Podcast ต่าง ๆ ตอนที่ขึ้นรถไฟฟ้า BTS MRT เดินทางไปทำงานแล้วเปิดเพลงระหว่างเดินทางไปเรื่อย ๆ พร้อมกับอ่านหนังสือเล่มโปรด
ในยามที่ใจจดจ่อกับหนังสือเล่มโปรดในร้านกาแฟอันเงียบ ๆ ที่ไม่ค่อยมีผู้คน แต่ถ้าเป็นร้านที่มีคนเยอะ ๆ เราจะเลือกมุมที่เงียบสงบที่สุดเท่าที่จะหาได้ แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ เราก็จำเป็นต้องย้ายร้านเพื่อที่จะได้มุมที่เงียบสงบเพื่อที่เราจะได้อยู่ในมุมของเราอย่างสงบ
ความสุขในช่วงเวลาที่ได้ใช้เวลาอยู่คนเดียวมักเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แค่หยิบหนังสือที่เตรียมมาแล้วนั่งอ่านไปเรื่อย ๆ ซึ่งเราก็ไม่เคยกำหนดระยะเวลาว่าจะอ่านแค่ไหนอ่านเท่าที่ตัวเองรู้สึกว่ายังมีความสุขอยู่
บางครั้งเวลาที่ได้อ่านหนังสืออย่างละเมียดละมัยก็จะมีบางวินาทีที่ตกผลึกทางความคิดในหัว แล้วก็เขียนบันทึกหรือจดมันไว้อย่างมีสมาธิ
ตอนที่กำลังนั่งกินข้าวคนเดียวในความเงียบที่มีแค่เราเพียงคนเดียวในพื้นที่ของเรา เงียบในที่นี้เพราะเราใส่หูฟังในร้านอาหาร หรือบางทีก็นอนดูรายการที่เบาสมองใน YouTube สักเรื่อง เช่น ดูเขากินซอยจุ๊ ดูเขาทำอาหาร ดูเขาหาปลา ดูดสระปลา (ตามภาคอีสวาน) หาสัตว์ป่า หาหนูนา เป็นต้น
หรือแม้แต่การไปทำทรีทเม้นท์หน้าก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีความสุขมาก มีเพียงความเงียบและเสียงเครื่องทำทรีทเม้นท์กำลังทำงานบนผิวหน้าของเราไม่มีเสียงพูดคุยมีแค่เสียงเครื่องเพียงอย่างเดียว
เวลาที่ไปนวดในร้านนวดแผนไทยเพื่อรักษาอาการปวดไมเกรนในห้องที่เงียบๆมีเพลงเบา ๆ กับการรับรู้ถึงแรงกดของหมอนวดแผนไทยที่กดลงบนแผ่นผิวหนังของเรา
ตอนที่เดินออกกำลังกายเบา ๆ พร้อมกับฟังเพลงที่อยากฟัง บางครั้งก็จินตนาการหรือนึกถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ นึกถึงหนังสือที่เพิ่งอ่านไป นึกถึงอาหารที่อยากจะกินหลังจากเดินเสร็จ
ตอนที่จัดต้นไม้ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ในบ้าน ช่วงเวลาที่ได้ใช้ไปกับความเงียบสงบเหล่านั้นเป็นช่วงเวลาที่เราสัมผัสได้ถึงคำว่าความสุข
ช่วงเวลาที่ได้ใช้ไปกับตัวเองทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมใจได้เสมอประหนึ่งว่าในช่วงเวลานั้นจิตใจของเราล่องลอยไปมาได้อย่างไม่มีจุดหมาย มันได้ค้นพบที่ที่เป็นของมันแล้วสุดท้ายก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเรา
เราเจอหลายคนที่เคยถามว่าอยู่แบบนั้นไม่เหงาหรือ แต่เราก็รู้สึกว่าการอยู่คนเดียวไม่ได้ทำให้เราเหงาเสมอไปนะ การอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายหลายครั้งก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกเหงา อ้างว้าง เป็นความอ้างว้างที่เกิดขึ้นเมื่อเราสูญเสียความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งที่มีความหมายไป
ส่วนตัวเราแล้วไม่ได้รู้สึกว่าเหงาและแทบจะไม่มีเวลาให้เหงา เพราะรอบข้างก็ยังมีเพื่อนดี ๆ มีพี่ดี ๆ มีสังคมดีๆและครอบครัวที่รักเรามาก ๆ ได้ให้เราได้ใช้เวลาอันแสนมีค่าไปกับพวกเขาเหล่านั้น ได้แบ่งปันความคิดความรู้สึกให้แก่กัน ได้พบปะกันบ้างในบางครั้งแต่ก็ยังรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันแม้ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ
แต่เวลาที่นอกเหนือจากการทำงานที่ต้องเข้าสังคมช่วงเวลาแห่งการพบปะเพื่อนฝูง และครอบครัว เรายกให้กับตัวเองทั้งหมด ช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว เป็นช่วงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ใครฟัง ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยคำพูด เข้าใจได้โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาเลย ความเงียบสงบที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเรา พร้อมกับความคิดที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ
เราไม่ค่อยได้ออกไปพบเจอผู้คนเท่าไหร่ หากไม่นับวันทำงานก็แทบจะไม่เจอใครเลย การอยู่คนเดียวเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเราช่วงที่อยู่ลำพังเราได้ชาร์จพลังแก่ตัวเองไว้มากที่สุดเวลาที่ต้องมาทำงานหรือต้องทำกิจกรรมกับคนอื่นมันต้องใช้พลังงานเยอะไม่เบาเลย