ในบทความนี้จะมารีวิวหนังสือ เลิกคิดมากถ้าอยากสำเร็จ หนังสือจิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง การพัฒนาตัวเอง how to จากสำนักพิมพ์ Nanmeebooks เขียนโดย ทาคาชิ โทริฮาระ (Takashi Torihara) ผู้เขียน เปลี่ยนวิธีคิดแค่ 5 วิ งานก็สำเร็จไปแล้ว 90% ซึ่งมียอดขายถล่มทลายกว่า 100,000 เล่ม หนังสือเล่มนี้ถือเป็นเล่มที่ 50 ของปี 2023 ที่อ่านจบ
หนังสือ เลิกคิดมากถ้าอยากสำเร็จ เผยวิธีการพัฒนาทักษะตั้งแต่ขั้นต้นไปจนถึงขั้นสูง 22 ประการ เช่น ทักษะการจัดการความเสี่ยง ทักษะการใช้ตัวช่วย ทักษะการถ่ายทอด ทักษะการร่วมมือ ทักษะการปกป้ององค์กร ทักษะการนำเสนอตนเอง และอีกมากมายที่นำไปใช้ทำงานได้จริง เพราะบางครั้งเราก็จำเป็นต้อง “ทิ้ง” สิ่งไม่จำเป็นเพื่อ “เพิ่ม” พื้นที่แก่การทำสิ่งใหม่
ถ้าคุณเป็นคนที่คิดเรื่องที่ไม่จำเป็นมากเกินไป ถูกตำหนิด้วยวิธีการทำงานบ่อยๆ กังวลว่าเพื่อนร่วมงานจะไม่พอใจ พอลงมือทำแล้วผิดกับภาพที่คิดไว้ตอนหน้าแรก หรือรู้สึกว่าทั้งที่ใช้เวลาไปตั้งเยอะแต่ผลงานก็ออกมางั้นๆ ทั้งที่เป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการคิดอย่างหนักแต่กลับยังไม่เป็นผลลัพธ์ที่หน้าพอใจ
ว่ากันว่า คำวิจารณ์ทางลบนั้นล้วนมีสาเหตุเสมอ และสาเหตุนั้นเองที่ทำให้คุณทรมานใจมาตลอด หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณหาสาเหตุนั้นและอธิบายถึงวิธีแก้ไข
หลายคนไม่ใช่คนที่ทำงานไม่ได้ ดังนั้น เพียงแค่เพิ่มขั้นตอนของการคิดเพียงไม่กี่วินาทีจะทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างแน่นอน เช่น เวลารับมือปัญหาที่เกิดขึ้น เพียงแค่เพิ่มขั้นตอนการคิดว่าวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ วิธีแก้ไขปัญหาและผลลัพธ์ย่อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ความจริงแล้วความคิดบางอย่างก็เป็นตัวขัดขวางความสำเร็จนั่นก็คือการคิดมากไป หรือความคิดที่ไร้ความหมาย ในหนังสือเล่มนี้ เรียกความคิดแบบนี้ว่า “ความคิดที่ไม่จำเป็น”
ที่จริงแล้ว ความคิดที่ไม่จำเป็นนั้นเกิดจากการใช้ทักษะมากเกินไป เช่น หากมีทักษะการคาดคะเนสูงเกินไปจะทำให้กลายเป็นคนขี้ระแวง หรือหากมีทักษะการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดมากเกินไปก็จะกลายเป็นคนด่วนตัดสินใจ
หนังสือ เลิกคิดมากถ้าอยากสำเร็จ เล่มนี้ จะพาเปลี่ยนจากความพยายามเพิ่มความคิดส่วนที่ขาดเป็นความพยายามในการลดความคิดหรือทักษะที่แสดงออกมามากเกินไป และทำให้งานประสบผลสำเร็จได้
หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีลักษณะดังนี้
– ทำงานอย่างรอบคอบแต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ
– รู้สึกว่าวิธีคิดของตนเองต่างจากคนอื่น
– อยากรู้ว่าคนอื่นมองเราอย่างไร
หนังสือเล่มนี้จึงได้แนะนำให้ทิ้งความคิดซึ่งต่างจากหนังสือแนะแนวธุรกิจเล่มอื่นๆ มุมมองก็ย่อมแตกต่างจากเล่มอื่นๆไปด้วย อ่านช่วงแรกจะอาจจะรู้สึกไม่ชิน
สรุปเนื้อหา : รีวิวหนังสือ เลิกคิดมากถ้าอยากสำเร็จ
การเลือกคิดในสิ่งที่ไม่จำเป็น จะทำให้ทักษะการตัดสินใจสูงขึ้น ส่งผลต่อความสำเร็จในการทำงานอย่างมาก
การตัดสินใจเริ่มสิ่งใหม่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ แต่การตัดสินใจเลิกสิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นการกระทำที่ยากมาก
การตัดสินใจเลิกทำสิ่งที่ทำอยู่ก่อนสำคัญกว่าการตัดสินใจเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ
หากอยากทำผลงานให้ได้เกินความคาดหมาย การมุ่งเป้าไปยังการทำงานให้ได้ตามปกติก่อนจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ความต้องการ กับ ความจำเป็น นั้นไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้วงานที่เราต้องทำคืองานที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น
เราควรเริ่มจากการทิ้งของสิ่งที่เราแบกอยู่มากเกินไป ก่อนที่จะรับเอาเทคนิคหรือความรู้ใหม่ๆ เข้ามา สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเราอินพุทได้มากเพียงใดแต่อยู่ที่ว่าเรา output ได้มากเพียงใดต่างหาก
output นั้นขึ้นอยู่กับว่าเราลงมือทำในสิ่งที่ทำให้เกิดผลงานได้มากเท่าไหร่ และการลงมือทำสิ่งต่างๆ นั้นก็รวมไปถึงการทิ้งสิ่งที่เคยทำมาตลอดด้วย
เช่น หากกำลังกลุ้มใจว่าแต่ละวันใช้เวลาเช็คอีเมลนาน จนรู้สึกว่าตนเองเช็คอีเมลได้ไม่มีประสิทธิภาพ จึงไปซื้อหนังสือ 99 วิธีจัดการกับอีเมลอย่างมีประสิทธิภาพ มาอ่านอย่างตั้งใจแล้ว นำแต่ละวิธีมาลองใช้
นี่เป็นวิธีการจัดการแบบ input แต่ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นอยู่นั่นคือการเลิกคิดว่าจะจัดการอีเมลทั้งหมด เปลี่ยนไปตอบเฉพาะอีเมลที่จำเป็นนั่นเป็นวิธีง่ายและตรงไปตรงมามากกว่า
สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทิ้งเป็นพิเศษก็คือความเชื่อว่า “จะต้อง…”
“จะต้องทำทั้งหมด”
“จะต้องรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้”
การเผชิญหน้ากับคำวิจารณ์หรือสัญญาณด้านลบอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่คำพูดเหล่านั้นอาจเป็นคำพูดวิเศษณ์ที่ช่วยเพิ่มเงินเดือนของคุณในอนาคตก็ได้
แม้เนื้อหาจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่หากไม่ทันเวลาก็ไม่มีความหมาย หากมัวใส่ใจกับภาพลักษณ์จนไม่บรรลุเป้าหมายแท้จริงสิ่งที่ทำลงไปก็ย่อมไร้ความหมาย
เวลาและแรงของเรามีจำกัด ดังนั้น ผลงานที่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราลงแรงและเวลาไปกับอะไร หากลงแรงผิดที่ก็จะไม่เกิดผลงาน
คนจำนวนไม่น้อยตกอยู่ในสถานการณ์ที่แม้จะตั้งสมมติฐานและรวบรวมข้อมูลมาแล้ว แต่กลับตั้งสมมติฐานขึ้นมาใหม่อีกทำให้งานไม่ก้าวหน้า
ทิ้งการให้ความสำคัญกับจำนวน มีคนรู้จักกี่คนนั้นไม่สำคัญ จำนวนของคนที่รู้จักนั้นไม่มีค่า สิ่งที่มีค่าคือความสัมพันธ์ที่ตั้งสองฝ่ายตอบสนองซึ่งกันและกันเท่านั้น การพบปะทางการค้าที่ได้แค่แลกนามบัตร แต่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราเป็นใคร
เราจำเป็นต้องมีวิธีโฟกัสแรงและเวลาของเราไปยังส่วนที่สำคัญ เพื่อเปลี่ยนความเหนื่อยของเราให้ออกมาเป็นผลงาน
การบรรลุเป้าหมายของแต่ละวันนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่หากเราไม่บรรลุเป้าหมายสุดท้าย สิ่งที่ทำมาก็จะไม่มีความหมาย
การใส่ใจคนรอบข้างทุกคนโดยไม่จำกัดลำดับความสำคัญเป็นความคิดที่ไม่จำเป็น
มนุษย์นั้นเท่าเทียมกันทุกคน แต่สำหรับความสัมพันธ์กับคนรอบข้างนั้นจะมีทั้งคนที่สำคัญและไม่สำคัญสำหรับเราอยู่ ดังนั้น เราต้องจัดลำดับความสำคัญของคนที่จะใส่ใจ
การเพิ่มประสิทธิภาพอย่างผิดวิธี ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพแย่ลง เป้าหมายของการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานคือการทำให้เหลือเวลามากขึ้น และนำเวลาที่เหลือมาเพิ่มคุณค่าแก่ผลงานของตน การทำในสิ่งที่ไม่ต้องทำก็ได้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างผิดวิธี
คนที่ทำงานเก่งจะเป็นคนที่สร้างการรับรู้ประสิทธิภาพของตนเองได้ดี ดังนั้น แม้จะทำผิดพลาดก็ปรับสภาพอารมณ์ของตนเองและลงมือทำสิ่งที่ต้องทำต่อไปได้
การคิดมากเกินไปจะทำให้ปัญหาซับซ้อนยิ่งขึ้น หยุดคิดสักนิดก่อนลงมือทำต่อสักหน่อย
หากมองทุกอย่างเป็นความเสี่ยงก็จะกลายเป็นความคิดที่ไม่จำเป็น เพราะการคิดถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นมากไปกลับกลายเป็นความเสี่ยงเสียเอง
เหตุการณ์หนึ่งจะเป็นได้ทั้ง “โอกาส” และ “อุปสรรค” ตามวิธีคิดของเราหากเปลี่ยนวิธีมองการกระทำของเราก็จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือและทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เปลี่ยนไปด้วย