หนังสือเล่มที่ 130 ของปี 2023 ที่อ่านจบ เป็นเล่มพิเศษสำหรับผมมากๆ เพราะนี่คือเล่มที่ผมชอบมากๆ เล่มหนึ่งเลย หนังสือที่กำลังพูดถึงคือ ใครเอาเนยแข็งของฉันไป หรือ WHO MOVED MY CHEESE? เล่มที่ผมอ่านคือพิมพ์ครั้งที่ 41 เลยทีเดียว ไม่ธรรมดาที่หนังสือสักเล่มจะพิมพ์ซ้ำถึง 41 ครั้ง และก็เป็นหนังสือที่ดีจริงๆ ครับ ผู้เขียน Spencer Johnson, M.D. (สเปนเซอร์ จอห์นสัน, น.พ.) ผู้แปล ประภากร บรรพบุตร
หนังสือ ใครเอาเนยแข็งของฉันไป ขายได้มากกว่า 35 ล้านเล่ม แปลแล้ว 44 ภาษา เป็นหนังสือเล่มบางๆ นำเสนอเรื่องสั้นๆ อ่านง่าย แต่มีความหมายลึกซึ้ง ติดอันดับขายดีทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเนื้อหากระทบใจทุกคนที่ย่อมเคยประสบกับภาวะการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด
เกริ่นนำ
กลวิธีนำเสนอของ “นายแพทย์สเปนเซอร์ จอห์นสัน” นั้นน่าสนใจมาก ด้วยการเกริ่นนำถึงความพิเศษของแนวคิดเพียงจุดเล็กๆ เรื่องเล่าของตัวละครในเขาวงกต และการอภิปรายในกลุ่มเพื่อน เพื่อสรุปแนวคิดเรื่อง “ใครเอาเนยแข็งของฉันไป” หากคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วจับประเด็นมาอภิปรายในหมู่ผู้ร่วมงานและเพื่อนฝูง น่าจะได้ตัวอย่างประสบการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในองค์กรต่างๆ หรือในชีวิตของแต่ละคน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไปได้มากเลยทีเดียว
ที่จริง เราทุกคนย่อมรู้ว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้ทุกขณะแต่ความเคยชินกับสิ่งที่ทำอยู่ซ้ำเดิม และคิดว่าสิ่งนั้นดีที่สุดแล้ว ทำให้อดเป็นกังวลและต่อต้านสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ไม่ได้ เนยแข็งชิ้นเดิมที่เราว่าอร่อยล้ำนั้น แท้จริงเป็นเพราะเรายังไม่เคยได้ลิ้มรสเนยแข็งแบบอื่น ฉะนั้นเมื่อต้องสูญเสียเนยแข็งชิ้นเดิมไป คนเป็นจำนวนมากจึงรู้สึกเหมือนกับสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุด บ่อยครั้งที่การเปลี่ยนแปลงได้นำโอกาสใหม่ๆ มาให้แต่ละคน ฉะนั้น ถ้าเราเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ก็เท่ากับเตรียมตัวเปิดทางกว้างไกลให้แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ชีวิตส่วนตัว และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
สรุปข้อคิดจากหนังสือ “ใครเอาเนยแข็งของฉันไป”
บางครั้งสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปและไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมอีก ชีวิตก็เป็นอย่างนี้แหละ ต้องก้าวต่อไป
ความกลัวก็มีประโยชน์เหมือนกัน เมื่อคุณกลัวว่าสิ่งต่างๆ จะแย่ลงถ้าไม่ทำอะไร ความกลัวจะกระตุ้นให้ลงมือทำ แต่ความกลัวนั้นจะไม่มีประโยชน์หาคุณกลัวจนไม่กล้าทำอะไรเลย
หากมีโอกาส รีบออกจากภาวะที่สบายจนเคยตัว และเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เร็ว จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ต้องกำหนดชีวิตเอง แทนที่จะปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคงไม่น่าประหลาดใจนัก หากเราคอยเฝ้าสังเกตว่ามีอะไรเกิดขึ้นโดยตลอด และคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
ถ้าเราสลัดความกลัวไปได้ เราก็จะเป็นอิสระ
สิ่งที่เรากลัวนั้นไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับที่คาดคิดไว้ ความกลัวที่เรายอมให้เกิดขึ้นในใจนั้นร้ายกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสียอีก
เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะหวังให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงจะทำให้คุณประหลาดใจก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนและไม่ได้มองหามัน
เมื่อคุณเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณเชื่อ คุณจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณทำได้
การสังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เสียแต่เนิ่นๆ จะทำให้ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้
วิธีที่จะเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุดคือการรู้จักเยาะเย้ยความขลาดเขลาของตัวเอง เพื่อที่จะได้รู้จักปล่อยวางและเร่งก้าวต่อไปข้างหน้าได้
ควรเล็งเห็นความจำเป็นในการทำเรื่องต่างๆ ให้ง่าย รู้จักยืดหยุ่น และก้าวต่อไปอย่างรวดเร็ว
ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้สับสนมากเกินไป หรือปล่อยให้ความเชื่อที่น่ากลัวทำให้ตัวเองสับสน
ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น เพราะถ้าปรับตัวไม่ทันก็อาจจะไม่มีโอกาสปรับตัวอีกเลย
อุปสรรคที่สำคัญยิ่งต่อการปรับตัวนั้นอยู่ภายในตัวเรานั่นเอง และจะไม่มีอะไรดีขึ้นจนกว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตนเอง
ความกลัวบางอย่างก็ควรมีไว้ เพราะมันช่วยกันเราให้พ้นจากอันตรายได้
ช่องทางซื้อหนังสือ
ซื้อหนังสือ
– Lazada: https://s.lazada.co.th/s.PYWC3?cc
– Shopee: https://shope.ee/8UguUVxJxP