หนังสือเล่มที่ 67 ของปี 2023 ที่อ่านจบและจะรีวิวให้ชมกันในบทความนี้ ชื่อหนังสือว่า ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้ จากนักเขียนคนเดียวกันกับ สิ่งที่ใช่จะมาในเวลาที่เหมาะสม เขียนโดย หมอจริง รวมบทความจากเพจและยูทูบ “หมอจริง DR Jing” ต้องขอบคุณทางสำนักพิมพ์ DOT Books มากๆ ที่ส่งหนังสือทั้ง 2 เล่มมาให้อ่าน
หนังสือ ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้ เป็นหนังสือที่มอบแนวคิดให้ผู้อ่านมองตัวเองด้วยความเมตตามากขึ้นเพราะเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง เคยรู้สึกไหมว่า ถ้าเป็นเรื่องคนอื่น เราพร้อมจะทุ่มเทพลังงาน แรงกาย แรงใจ ในการช่วยเหลือสารพัด แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองกลับไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าเรื่องของคนใกล้ชิดและคนรอบข้างสำคัญกว่า
ในทางกลับกันเราเข้มงวดหรือกดดันตัวเองมากไป คาดหวังว่าสิ่งที่เราทำต้องสมบูรณ์แบบ ไม่มีผ่อนปรนจนทำให้ตัวเองเครียดและเป็นทุกข์บ่อยๆ หนังสือเล่มนี้จะมาช่วยให้เรารักและใจดีกับตัวเองมากขึ้นเหมือนที่เราทำกับคนอื่นๆ
สรุปข้อคิดที่ได้จากหนังสือ ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้
อย่าเอาเบื้องหลังชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับความสำเร็จของคนอื่น การเปรียบเทียบย่อมนำไปสู่ความรู้สึกด้อยค่า น้อยเนื้อต่ำใจทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วชีวิตอาจมีเรื่องดีๆ มากมายที่เรามองข้าม
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด ทุกคนมีข้อดีข้อเสียของตัวเอง หากเรายอมรับเวลาตัวเองทำผิด แสดงความขอโทษอย่างจริงใจ นั่นก็ถือเป็นการใจดีกับตัวเองที่ผิดพลาด
ถ้ารู้สึกเปรียบเทียบ อย่าลืมว่าแต่ละคนนั้นมีความสามารถของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป
สิ่งที่คุณได้จากการทำเป้าหมายให้สำเร็จ ไม่สำคัญเท่าคนที่คุณเป็นจากการบรรลุเป้าหมายนั้น
ให้กำลังใจตัวเองในวันที่ขี้เกียจ ในวันที่ทำตัวไม่ได้ดั่งใจ หรือทำตัวงอแงกับตัวเอง มีน้อยคนที่จะทำได้ตามที่ตัวเองตั้งเป้าหมายไว้ตลอด แทนที่จะดุด่า หรือต่อว่าตัวเอง มาลองมองตัวเองว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ทำอย่างที่ตั้งใจได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร
ถ้ารู้ตัวว่าจะพูดไม่ดี ให้บอกอีกฝ่ายว่าเรารู้สึกโกรธมากอยู่ และถ้ายังคุยต่อต้องพ่นคำพูดที่เป็นพิษแน่ๆ ให้ห่างกันออกมาก่อนเพื่อรอให้ใจเย็น
บางครั้งเมื่อพ่อแม่เห็นลูกไม่มีความสุข ก็พยายามจะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ แต่จริงๆ แล้วลูกอาจจะอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเองก็ได้ ลูกอาจอยากมีพ่อแม่เป็นกำลังใจให้ข้างๆ ไม่ต้องสั่งสอน ไม่ต้องติเตียน แค่อยู่ข้างๆ กันก็พอแล้ว
ไม่ต้องอัพเดทข่าวสารตลอดเวลาก็ได้ ไม่ต้องตอบไลน์ที่แจ้งเตือนบ้างก็ได้ ให้ความสำคัญของการได้อยู่เงียบๆ คนเดียว
ในปัจจุบันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะไม่เครียด เวลาเจอความผิดหวังหรือมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ย่อมมีความเสียใจและมีอารมณ์ต่างๆเข้ามาเป็นธรรมดา
ความอ่อนแอกับความเข้มแข็งอาจเป็นขั้วตรงข้ามกัน แต่เราสามารถเป็นคนเข้มแข็งและอ่อนแอในเวลาเดียวกันได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ไม่ต้องกดดันตัวเองตลอดเวลาก็ได้
ไม่ต้องสำเร็จทุกด้านแล้วถึงพอใจในตัวเองก็ได้
มาเริ่มรักตัวเองอย่างที่ตัวเองเป็นกัน
ให้มองว่าการล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และอาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องมองใหม่ว่าจะเกิดขึ้นสักครั้งในชีวิตเราอย่างแน่นอน
ความล้มเหลวเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่มากำหนดคุณค่าในตัวเรา หรือตีตราว่าอนาคตเราจะเป็นแบบไหน เวลาที่เราล้ม ก็แค่ปลอบใจตัวเอง หรืออยู่ข้างๆ คนที่ปลอบใจเราและเห็นคุณค่าของเรา
ทุกอารมณ์สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องไปผลักไสมัน เพราะยิ่งไม่อยากรู้สึกถึงอารมณ์นั้นมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการเก็บกดอารมณ์นั้นลงไปมากเท่านั้น
ไม่มีใครมีความสุขอยู่ตลอดเวลา และทุกคนก็มีช่วงเวลาในชีวิตที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ
เวลาที่โตขึ้นอาจไม่มีใครมากอดเราเหมือนแต่ก่อน
แต่เราสามารถเป็นคนนั้นให้ตัวเองได้คนที่ปลอบใจเรายามเศร้า เหงาหรือทุกข์ใจ
บางคนอาจแย้งว่าถ้าไม่ต่อว่าตัวเอง ก็จะไม่เกิดการพัฒนา แต่เราสามารถให้กำลังใจตัวเองแล้วยังพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆ กันได้
ศิลปะของการยอมแพ้นั้นไม่ได้เป็นเพราะการล้มเลิกที่เกิดจากความขี้เกียจ หรือความกลัวว่าจะไม่สำเร็จ แต่เกิดขึ้นจากการมองเห็นว่าเส้นทางนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเรา และเลือกที่จะโฟกัสเส้นทางใหม่ที่ใช่กว่า
หลายครั้งชีวิตอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ เหมือนฝนที่ไม่มีใครสั่งให้ตกหรือหยุดตก เราเพียงได้แต่เตรียมตัวกางร่มเมื่อฝนมา