ก่อนหน้านี้ผมได้แนะนำหนังสือ ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข ให้รู้จักกันไปแล้ว ในบทความนี้ก็อ่านจบเรียบร้อย เลยจะมารีวิวหนังสือ ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข ให้ชมกัน เล่มนี้ถือเป็นหนังสือเล่มที่ 51 ของปี 2023 ที่ผ่านจบ เป็นหนังสือเนื้อหาแน่นมาก อ่านสนุก เพลินตลอดทั้งเล่ม ไม่มีส่วนไหนที่น่าเบื่อเลย
หนังสือ ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข เล่มนี้เป็นคู่มือทางใจของการสร้างพลังบวกให้ตัวเอง เพื่อก้าวสู่ชีวิตที่ยอดเยี่ยมกว่าที่เป็นอยู่ ผู้เขียนจะพาให้เราตั้งคำถามกับตัวตนและสิ่งที่ปรารถนาอย่างแท้จริง ซึ่งตัวเราในวัยเด็กอาจจะเคยใฝ่ฝัน แต่ก็ปล่อยไปดื้อๆ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
เนื้อหาจะค่อยๆ สะกิดบาดแผลในใจออกมา ให้เรากล้าเผชิญหน้ากับมัน ต่อสู้กับมัน และไล่มันออกจากชีวิต ก่อนจะก้าวสู่ขั้นตอนต่อไปที่ก็มีความท้าทายอื่นรออยู่ อาจฟังดูยากและใช้เวลานาน แต่ด้วยคำแนะนำที่อ้างอิงมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของนักเขียนรวมถึงคนมีชื่อเสียงท่านอื่นจึงแน่ใจได้เลยว่า ท้ายที่สุดแล้ว เราจะโอบล้อมตัวเองไปด้วยความสุขและความสำเร็จ
[รีวิว] สรุปเนื้อหาหนังสือ “ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข”
การรักตัวเองคือการสร้างสมดุลระหว่าง การยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น ในขณะที่ก็รู้ว่าคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า และพยายามไปให้ถึงจุดนั้น
เปลี่ยนวิธีที่คุณคิด รู้สึก พูด และการกระทำ แล้วคุณจะเริ่มเปลี่ยนโลกของตัวเอง
การจะทำให้หรือรับรู้ว่าสิ่งที่คุณปรารถนาเป็นจริงนั้น ต้องทำให้ทั้งความคิด อารมณ์ ความพูด และการกระทำเป็นไปในทางเดียวกับสิ่งที่ปรารถนา
ทุกครั้งที่คุณเรียกเหตุการณ์ในอดีตว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีหรือเป็นบ่วงนั้น เป็นเพราะคุณมองว่าเหตุการณ์นั้นเป็นอย่างที่คาดหวังหรืออย่างน้อยก็ไม่ได้แย่อย่างที่อาจจะเป็น
โดยทั่วไปแล้ว คุณต้องการสิ่งไหนก็เพราะสิ่งนั้นทำให้คนรู้สึกดี เราไล่ตามความปรารถนาในชีวิตทุกอย่างก็เพื่อให้สิ่งเหล่านั้นสร้างอารมณ์ที่ดีพึงพอใจและหลีกเลี่ยงอารมณ์ไม่พอใจ พวกเราส่วนใหญ่เชื่อว่า การได้สิ่งที่ปรารถนาจะทำให้เกิดความสุข
เมื่อคุณรู้สึกดีชีวิตก็พลอยดีไปด้วย หากคุณสมบัติความรู้สึกดีอย่างต่อเนื่อง ก็จะมองชีวิตในทางบวกอยู่เสมอ
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ เราคิดว่าจะรู้สึกดีได้ก็เฉพาะตอนที่ได้สิ่งที่ต้องการ แต่จริงๆ แล้ว เราสามารถรู้สึกดีได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย
เราสร้างความรู้สึกอย่างไรก็ย้อนกลับมาอย่างนั้นผ่านประสบการณ์ต่างๆ ของเรา
เวลารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พยายามอยู่ใกล้คนที่รู้สึกดีไว้ แรงสั่นสะเทือนของพวกเขาสูงกว่าคุณ และคุณมีโอกาสดูดซับพลังงานบางส่วนจะพวกเขาได้
อย่าประเมินความสำคัญของการหาเวลาพักผ่อนต่ำไป บางครั้งเราก็ยุ่งกับชีวิตและสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวจนไม่ไหวและเครียดได้ ทางออกง่ายๆ คือผ่อนคลายและทิ้งระยะห่างจากสิ่งที่ทำให้เครียด อย่ากลัวที่จะใช้เวลาอยู่ตามลำพัง
ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ คนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ล้วนเผชิญอุปสรรคหรือความล้มเหลวมาก่อน แต่สิ่งนั้นจะกลายเป็นจุดจบได้ก็ต่อเมื่อคุณล้มเลิกเท่านั้น
เราควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้เพราะนั่นจะทำลายความสงบสุข
คนเราไม่ได้พูดหรือถามเพราะความอยากรู้ แต่แค่อยากพิสูจน์ว่าคนอื่นผิด พวกเขาอยากให้คนอื่นทำตามความเชื่อของตน ไม่ใช่เพราะใส่ใจ แต่เพราะกลัวว่าตัวเองจะผิดและไม่รู้แล้วว่าตัวเองคือใคร
เรียนรู้ที่จะไม่เสียเวลาไปกับคนที่ไม่สนใจสิ่งที่เราพูด หรือเหตุผลที่เราพูด คุณต้องมั่นใจว่าจะไม่เข้าไปสู้รบภายในใจของคนอื่นโดยไม่สมัครใจ
การหารือถึงปัญหาและแลกเปลี่ยนข้อมูลนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ หากการกระทำเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากความปรารถนาที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกเหนือกว่าด้วยการดูถูกคนอื่น
เราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่เรื่อย และส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัวว่าเรามีสิ่งที่คนอื่นปรารถนา เรายังมีแนวโน้มที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่มองว่าโชคดีกว่า มากกว่าจะเปรียบเทียบกับคนที่โชคร้ายกว่าเรา
เวลาฝึกรู้สึกขอบคุณ ให้จินตนาการว่าชีวิตของคุณแตกต่างไปอย่างไรหากไม่มีสิ่งนั้นให้แสดงความขอบคุณ จำไว้ว่าอาจมีหลายสิ่งในชีวิตที่ย่ำแย่ แต่ก็มีหลายสิ่งที่ดีเช่นกัน
ปัญหาของคนส่วนใหญ่ที่พยายามจะเป็นนักคิดเชิงบวกคือ เราเมินเฉยต่อกระบวนการเปลี่ยนแปลง คิดเอาเองว่าเราควรขจัดความคิดเชิงลบ เพิกเฉยต่อความรู้สึก และก้าวสู่ความคิดเชิงบวก ซึ่งมักไม่ได้ผล เพราะเราแค่หลอกตัวเองว่าทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งๆ ที่ความรู้สึกจริงบอกอีกอย่าง ความกดดันสามารถกลายเป็นพิษร้ายต่อเราและก่อให้เกิดความเสียหายภายหลังได้
อนาคตมาในรูปของปัจจุบันโดยที่บางคนไม่ได้สังเกต ไม่มีอะไรที่มีคุณค่ามากกว่าปัจจุบันอีกแล้ว เพราะเราไม่อาจเอากลับมาได้อีก เราอาจสร้างภาพความทรงจำให้หวนล้ำลึกได้ แต่เราไม่สามารถพบเจอทางกายภาพได้อีกแล้ว
การเอาตัวเองมาก่อนมักเป็นเรื่องสำคัญ เรามีพลังมากมายจะทำให้คนอื่น แต่ก็ต้องเก็บพลังงานบางส่วนไว้เพื่อตัวเองด้วย เรามาโลกนี้ตามลำพังและจากไปคนเดียว ความสัมพันธ์ที่ยืนยาวที่สุดในชีวิตก็คือตัวคุณเอง จึงต้องบริหารความสัมพันธ์นี้ให้ดีก่อนถึงจะบริหารความสัมพันธ์กับคนอื่นได้
การยุ่งเกี่ยวกับคนที่เป็นพิษ จะดูดพลังงานของเรา ทำให้รู้สึกหมดเรี่ยวแรง เวลาอยู่กับคนคิดบวกคุณจะเห็นสิ่งที่ดีในชีวิตง่ายกว่าปกติมาก
แม้จะสั่งให้ใครเคารพไม่ได้ คุณก็เลือกพาตัวเองออกจากสถานการที่รู้สึกว่าไม่ได้รับการเคารพได้
ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีดูดเอาสิ่งที่ดีทั้งหมดออกไปจากเรา คุณไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญก็ตระหนักได้ว่าความสัมพันธ์ต่างๆ ควรเป็นสิ่งดี ไม่ควรทำให้คุณรู้สึกถูกจำกัดหรือขาดอยู่เรื่อยๆ คุณไม่ควรรู้สึกว่างเปล่า โดยเฉพาะในขณะที่อีกฝ่ายกลับรู้สึกเติมเต็ม
ถ้าคุณอยู่กับคนที่ไม่พร้อมจะทำตัวดีขึ้นก็อาจกำลังเสียเวลาอยู่ก็ได้ คุณไม่อาจเปลี่ยนคนที่ไม่พร้อมจะเปลี่ยน
จำไว้ว่าความสัมพันธ์ใดๆ ควรเพิ่มคุณค่าแก่ชีวิตและทำให้แรงสั่นสะเทือนของคุณดีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนความสัมพันธ์ที่เป็นพิษจะทำลายสุขภาพจิตและสุขภาพกาย
จงมีกลุ่มเพื่อนฝูงที่สบายใจ รักษาคนที่เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตคุณ เอาคนที่ไม่ใช่ออกไป เมื่อการมีน้อยลง หมายถึงได้สิ่งที่ดีกว่า
การเป็นคนในครอบครัวเดียวกันไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะหวังดีที่สุด เราถูกสอนว่า ครอบครัวสำคัญที่สุด แต่ในความสัมพันธ์ทางชีวะภาพเช่นนี้ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ที่ใส่ใจกันหรือใกล้ชิดกันเสมอไป เพื่อนบางคนอาจเป็นครอบครัวยิ่งกว่าครอบครัวจริงๆ เสียอีก เราไม่ควรปิดบังความจริงที่ว่าบางครั้งสมาชิกในครอบครัวก็คือคนที่เป็นพิษที่สุดในชีวิต
จำไว้ว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้ ยกเว้นแต่ว่าพวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณอาจมีอิทธิพลหรือส่วนทำให้เขาเปลี่ยน แต่ไม่สามารถทำให้พวกเขาเปลี่ยนได้
เวลามีคนพยายามทำให้คุณรู้สึกบกพร่อง แสดงว่าพวกเขาเองนั่นแหละที่บกพร่อง
บ่อยครั้งคนเราก็อารมณ์ไม่ดี เพราะถูกคนอารมณ์ไม่ดีมาทำร้ายอีกที
สิ่งที่คนอื่นพูดถึงคุณบ่งบอกถึงตัวพวกเขาเองมากกว่าตัวคุณเสียอีก
ถ้ามัวแต่พยายามทำให้คนอื่นพอใจ คุณจะไม่มีวันก้าวหน้าเท่าพวกเขาเลย ในที่สุดก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นหรือตัวเองพอใจเลย
การสบประมาทและคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มาในรูปแบบการแสดงความคิดเห็นก็ไม่ควรไปสนใจ
เราไม่ได้สำคัญกับคนอื่นตลอดเวลา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข ดูแลตัวเอง คุยเรื่องบวก และเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง ความต้องการของเรานั้นสำคัญ จงเริ่มทำตามความต้องการของเราด้วยตัวเองอย่าหวังพึ่งคนอื่น
เราเรียนรู้ที่จะสนใจว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไรกับเรา แต่เรื่องการใส่ใจว่าเรารู้สึกอย่างไรกับตัวเอง
ขนาดของยีนที่ใส่ไม่ได้กำหนดคุณค่าของคุณ
เฉดสีผิวไม่ได้กำหนดคุณค่าของคุณ
ตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักไม่ได้กำหนดคุณค่าของคุณ
ตำหนิบนใบหน้าไม่ได้กำหนดคุณค่าของคุณ
ความคาดหวังต่างๆ นานาไม่ได้กำหนดคุณค่าของคุณ
ความคิดเห็นต่างๆ นานาไม่ได้กำหนดคุณค่าของคุณ
อย่าสนใจสิ่งที่คนอื่นทำกัน ชีวิตคุณไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น แต่เกี่ยวกับคุณเอง แทนที่จะไปสนใจชีวิตคนอื่น ให้สนใจชีวิตคุณเอง
ดูชีวิตคนอื่นและปรบมือให้กับความสำเร็จของพวกเขา แล้วดำเนินชีวิตของคุณต่อไป
ไม่ว่าจะใช้ชีวิตตามใจตัวเองหรือคนอื่น คุณก็จะถูกตัดสินอยู่ดี
มีคนอื่นมากมายในชีวิตที่พร้อมจะทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่คุณไม่ควรเป็นหนึ่งในนั้น
ทุกความผิดพลาดช่วยให้คุณพัฒนาตัวเอง แต่การจะใช้ประโยชน์จากบทเรียนในแต่ละครั้งที่ผิดพลาดนั้น คุณต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยไปให้ได้ก่อน ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
คุณเป็นแค่คนหนึ่งและก็ได้รับอนุญาตให้ดำเนินชีวิตต่อ ไม่ว่าจะทำพลาดใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม อย่าลงโทษตัวเองในสิ่งที่ทำไปแล้ว หันมาใส่ใจสิ่งที่ทำให้ดีขึ้นได้ดีกว่า การทำร้ายตัวเองจะไม่เปลี่ยนสถานการณ์ สิ่งสำคัญที่สุดคือคนมุ่งมั่นอย่างไรต่อไปต่างหาก
“คุณในอดีต” อาจแตกต่างจากคนในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ถ้าใครตัดสินคุณจากอดีต นั่นเป็นปัญหาของเขาแล้ว เขายังอยู่ในที่ที่ไม่มีจริง ถ้ายังไม่เข้าใจว่าคนเราเติบโตและมีวุฒิภาวะขึ้นได้ เขาคงต้องเติบโตบ้าง อย่าปล่อยให้คนอื่นเอาอดีตมาตัดสินคุณ เขาก็แค่พยายามกันไม่ให้คุณสร้างอนาคตที่มีความสุข จำไว้ว่าไม่มีสิ่งใดคงเดิมตลอดรวมถึงตัวคุณด้วย
การให้อภัยคนอื่นไม่ได้ทำให้อดีตดีขึ้น แต่ทำให้ปัจจุบันของและอนาคตของคนดีขึ้นต่างหาก เพราะคุณให้ความผาสุกแก่ตัวเองและสร้างพลังงานที่เป็นบวกมากขึ้นไว้ภายใน
การให้อภัยไม่ใช่การยกโทษให้กับพฤติกรรมย่ำแย่ของคนอื่น และไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเชิญอีกฝ่ายกลับเข้ามาในชีวิตเสมอไป ก็แค่หมายความว่าคุณจะไม่ปล่อยให้เขามีอำนาจและควบคุมสภาวะทางอารมณ์ของคุณ นี่แหละอีกฝ่ายถึงจะไม่อาจควบคุมโชคชะตาคุณได้
เราไม่อาจพึ่งพาสิ่งแวดล้อมให้สร้างผลลัพธ์ใหม่ๆ ได้ เพราะมันมักไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา ชีวิตเราก็เหมือนปืนใหญ่ เป็นเรื่องง่ายที่จะเล็งกระสุนไปยังมุมหรือความสูงที่ต่างจากเดิม เพื่อให้ตกลงไกลหน่อยหรือตกไปที่อื่น ขอเพียงเปลี่ยนความคิดเท่านั้นเอง ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเราแล้ว
ถ้าคุณโดนบอกอยู่เรื่อยๆ ว่าไม่สามารถทำบางสิ่งได้ คุณก็จะเชื่อว่าตัวเองทำไม่ได้จริงๆ
คุณคือนักเขียนอนาคตของตัวเอง จงเขียนสิ่งที่ปรารถนาและใช้ชีวิตด้วยเรื่องราวของคุณเอง
เรามีปัจจุบันเพียงครั้งเดียว จึงควรรื่นเริงกับช่วงเวลานี้ แต่ความสมดุลที่ดีระหว่างการใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินกับการลงทุนเพื่ออนาคตเป็นสิ่งที่ต้องมีเสมอเมื่อมีเป้าหมาย
ชีวิตไม่ได้สู้กับคนเพราะคนอ่อนแอ มันสู้กับคุณเพราะคุณเข้มแข็ง มันรู้ว่าถ้าให้ความเจ็บปวดแก่คุณ คุณจะรู้ซึ้งถึงพลังที่ตัวเองมี