[รีวิว] สรุปหนังสือ “ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่” [เล่มที่ 80 ของปี 2023]

ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่ - krapalm 2023 07 04 100802 - ภาพที่ 1

หนังสือเล่มที่ 80 ของปี 2023 ที่อ่านจบคือ หนังสือ ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่ เล่มนี้บอกกลยุทธ์การบริหารที่ว่า “จงอย่าใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดสิ้นเปลือง” เขียนโดย ทามุระ โคทาโร่ สำนักพิมพ์ วีเลิร์น (WeLearn)

เวลาและพลังงานเป็นทรัพย์สินอันจำกัดที่ช่วยให้เราโลดแล่นไปกับชีวิตที่มีเพียงครั้งเดียวได้อย่างราบรื่น คุณอย่าผ่านมันไปกับเรื่องไร้ประโยชน์อย่างการสู้กับคนโง่ สำหรับคนที่เผลอไปสู้กับคนโง่อย่างเปล่าประโยชน์จนจิตใจบอบช้ำเพราะไร้เดียงสาและอ่อนหัด อยากให้คุณเลิกสิ้นเปลืองเวลาและพลังงานไปกับการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ แล้วเปลี่ยนไปใช้เวลาและพลังงานในการทำให้ชีวิตแสนสำคัญของตัวเองรุ่งโรจน์แทน

ในหนังสือ ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่ เล่มนี้ได้เปรียบเทียบว่า การสยบข้าศึกโดยไม่ต้องรบต่างหากจึงจะประเสริฐ ไม่ใช่แค่สยบข้าศึกโดยไม่ต้องรบ แต่ยังต้องใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าโดยนำมาใช้ในการทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จด้วย

คนโง่ก็คือ คนที่ชอบถ่วงแช่งถ่วงขาคุณอย่างไร้เหตุผลนั้นเอง

ซื้อหนังสือ

สรุปเนื้อหาหนังสือ ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่

สู้กับคนโง่ไปก็เสียเวลาเปล่าๆ คนเรามักสิ้นเปลืองเวลาชีวิตไปกับการต่อสู้กับคนอื่น คนโง่ คือ มนุษย์ที่ไม่มีค่าพอให้เราไปต่อสู้ด้วยหรือกังวลใจ

การยึดมั่นในศักดิ์ศรีแบบไม่เข้าเรื่อง เป็นอุปสรรคต่อการทำเป้าหมายให้สำเร็จ แทนที่จะมัวยึดมั่นในศักดิ์ศรีแล้วโอ้อวดหรือดูถูกอีกฝ่าย เราควรต่อสู้กับตัวเราเองที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีอันไร้สาระมากกว่า

อย่าสร้างความเสียหายเพิ่มด้วยการยึดติดกับเรื่องในอดีต เราไม่ควรยึดติดกับเรื่องที่จบไปแล้วจนทำให้อนาคตสูญเปล่า มันไม่ช่วยให้ตัวเราเองและคนรอบข้างมีความสุข

เวลาลงมือทำอะไรสักอย่าง ควรคำนึงถึงคุณค่าของเวลาที่คุณมีอยู่เสมอ หากมีเวลาเหลือไปกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คนหรือรู้สึกหงุดหงิดแล้วก็ สู้เอาเวลาไปสนุกกับเพื่อนและครอบครัว หรือทำงานอดิเรกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์จะดีกว่า

เวลาคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนได้รับจัดสรรอย่างเท่าเทียมที่สุดและเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในชีวิต จำไว้ว่าเวลาคือสิ่งที่ก่อให้เกิดคุณค่า

ผลประโยชน์สำคัญกว่าหน้าตา เราควรใจกว้างมากพอที่จะปล่อยผ่านการหักหน้าในระดับบุคคล ยิ่งเราต่อสู้และทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะสูญเสียสิ่งสำคัญยิ่งกว่าหน้าตาของเรา ควรจะปล่อยผ่าน แล้วใช้ประโยชน์จากอีกฝ่ายแทน ไม่ต้องถึงขั้น “ดึงมาเป็นพวกเดียวกัน” ก็ได้

คิดว่าการ “อวดดี” หมายถึงแข็งแกร่ง ไม่มีมนุษย์คนไหนยอมรับคนที่ท้ารบกับตัวเอง และกล่าวชื่นชมว่า “เป็นคนที่ใจกล้าใช้ได้เลยนี่”

คนที่สามารถอดทน ไม่สู้กับคนโง่ได้คือผู้ชนะ เมื่อเกิดเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจขึ้น ก็ให้อดทนอดกลั้นเอาไว้ก่อน หากอดทนไม่สู้กับคนโง่ก็จะบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด

หากโดนใครตำหนิ ไม่ควรโต้ตอบในทันที การแสดงปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วมักนำไปสู่การต่อสู้ อีกฝ่ายจะรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของเรา ส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายจนกู่ไม่กลับ

วิธีจัดการกับความรู้สึกโมโห ส่วนมากเราก็จะรู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อได้พูดหรือเขียนระบายออกมา แนะนำให้คุณใช้วิธีนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องควบคุมทั้งคำพูดและข้อความของคุณไม่ให้ถ่ายทอดไปถึงอีกฝ่ายได้

เวลาถูกทำให้โมโห ให้จินตนาการว่าวิญญาณของตัวเองออกจากร่างแล้วก้มมองดูตัวเองจากอีกฝ่ายที่กำลังปะทะกันจากด้านบน การมองจากมุมสูงช่วยให้เราใจเย็นลงและได้สติกลับมา ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ถ้าทำได้จะผ่อนคลายโทสะได้อย่างดี

ในตอนทำงานไม่จำเป็นต้องมองว่าใครคือศัตรู เวลาที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่จำเป็นต้องมองว่าใครคือศัตรู แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นพวกเดียวกัน อาจมีคู่แข่งบ้างแต่เขาไม่ใช่ศัตรู

ยิ่งคุณรู้สึกเกลียดชังใครบางคนก็ยิ่งต้องพยายามสื่อสารกับเขาเข้าไว้ แต่ไม่ต้องถึงขั้นฝืนพูดคุยอย่างสนิทสนมก็ได้ การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปกว่าเดิม อย่างน้อยให้เจอหน้ากันไว้บ้าง ไม่จำเป็นต้องฝืนพูดคุยอะไร

ต่อสู้กับคนที่มีคุณค่าพอเท่านั้น เราควรข้องแวะเฉพาะกับคนที่ทำให้เราได้ประโยชน์ รวมถึงควรเลือกคนที่เราจะโมโหใส่ด้วย

ก่อนจะเข้าไปข้องแวะกับใครสักคน ต้องพิจารณาอย่างใจเย็น เลือกคนที่จำเป็นจะต้องต่อสู้ด้วย คัดเฉพาะคนที่มีค่าพอเท่านั้น จงหลีกเลี่ยงคนน่าโมโหที่ไร้ค่าอย่างฉลาด จดจ่ออยู่กับการหนีห่างจากคนพวกนี้ และรีบทำให้เขาลืมคุณไปโดยเร็วที่สุด

อย่าบันดาลโทสะพุ่งเข้าฟาดฟันกับคนโง่ซึ่งหน้า แต่จงใช้ประโยชน์จากพลังของคนโง่ให้คุ้มค่าแล้วค่อยเล่นงานกลับคืนเป็นเท่าตัวดีกว่า

เมื่อเราอายุมากขึ้นความผิดพลาดจากการสู้กับคนโง่อาจร้ายแรงจนกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายได้ ดังนั้น การ “สู้กับคนโง่” ตั้งแต่อยู่ใน “วัยหนุ่มสาวที่เลือดร้อน” และผู้คนยังสามารถให้อภัยกับความเยาว์วัยได้ถือเป็นเรื่องที่ดี

สิ่งที่ขับเคลื่อนมนุษย์ไม่ใช่เหตุผลแต่เป็นอารมณ์ความรู้สึก ต่อให้ใช้เหตุผลจนเถียงชนะ แต่อีกฝ่ายก็จะไม่มีวันคล้อยตาม

ให้ความเคารพไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแบบไหน ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่ถูกชะตาหรือเป็นคนโง่ เราควรปฏิสัมพันธ์ด้วยความสุภาพและเคารพนับถือ การวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงออกว่าไม่ชอบเป็นสิ่งที่ห้ามทำอย่างเด็ดขาด

ก้าวแรกในการแก้ปัญหาความไม่พอใจที่เรามีต่อผู้อื่นก็คือ การลองมองจากมุมของอีกฝ่าย

เราไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เราควรทุ่มเทกำลังและพลังงานไปกับสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้

อย่าแค้นเคืองคนอื่น เมื่อเราได้รับคำตำหนิหรือคำว่ากล่าวตักเตือน ไม่จำเป็นต้องคิดว่าตัวเองต่ำต้อย ไม่จำเป็นต้องคิดว่าเป็นความผิดของเรา ชีวิตคนเราจะราบรื่นหากเปลี่ยนไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่าความรู้สึกว่าตัวเองได้ต่ำ