สวัสดี #ปีใหม่2566 ปีที่ตั้งเป้าว่าจะมีความสุขกับปัจจุบันขณะ

ปีใหม่2566

สวัสดีปีใหม่2566 ก็นึกว่าตัวเองจะมาไม่ถึงแล้ว รู้สึกตัวเองเก่งจัง ปีที่แล้วค่อนข้างยากลำบากมาก ๆ ทั้งเรื่องสุขภายกาย และสุขภาพใจ ปีที่แล้วมีเรื่องเดียวที่สุดยอดคือ เรื่องรายได้ และน่าจะเป็นเรื่องเดียวที่ส่งผลทำให้หลาย ๆ อย่างในปีไม่แย่ไปกว่านี้ การมีเงิน มีรายได้ที่มากขึ้น มันเป็นเป้าหมายในชีวิตของหลาย ๆ คนอยู่แล้ว รวมถึงเราเองก็ด้วย มันคือส่วนนึงที่ทำให้ชีวิตเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่กังวล

ย้อนไป 3 เดือนก่อนสิ้นปี ช่วงตุลาคม 2565 เราพบว่าตัวเองเริ่มมีอาการแปลก ๆ ตอนนั้นยังตรวจไม่เจอว่าเป็นแพนิค อย่างที่เราเคยเขียนไปในบทความแชร์ 6 วิธีรักษาโรคแพนิคด้วยตัวเอง ว่ากว่าจะตรวจพบว่าเป็นแพนิคมันต้องตรวจหลายครั้ง และละเอียดพอสมควร พอพบก็โอเค… รักษากันไป

ช่วง เดือน พ.ย. 2565 หนักสำหรับเรามาก เรามีอาการแพนิคกำเริบ (Panic Attack) ถึง 4 ครั้งใน 1 เดือน มันโหดร้าย และทำร้ายเรามาก และมันเป็นช่วงที่เรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของโรคด้วย เพราะพึ่งตรวจพบว่าเป็นแพนิคช่วงปลายเดือน ต.ค. 2565 นี่เอง พึ่งเริ่มกระบวนการรักษาได้ไม่ได้ เป็นช่วงที่สับสนและต่อสู้กับความไม่เข้าใจ และความกังวลหลาย ๆ อย่าง และเราก็หายจากโซเชียลไป เพราะเราอยู่บนโซเชียลมันยิ่งทำให้เราแย่กว่าเดิม เป็นช่วงเวลาที่แย่จริง ๆ มันยากสำหรับเรามาก แต่ก็ใช้ชีวิตตามปกติ และทำงานปกติ ไม่ได้บอกใครเท่าไหร่ ขี้เกียจอธิบาย เรารู้ว่าคนเข้าใจยากแน่ เพราะเราเองก็ไม่ได้เข้าใจโรคขนาดนั้น

การที่ผ่านมันมาได้ เราต้องใช้ชีวิตด้วยการมีสติและเฝ้าดูความคิดตัวเองตลอดเวลา ต้องขอบคุณเพื่อนและพี่ ที่พาเราอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ได้ มันสำคัญและมีค่าต่อเรามาก โดยเฉพาะเพื่อนกีตาร์ และพี่หน่อย โชคดีที่มีคนยื่นมือมาดึงเราไว้ แต่เราต้องดูแลตัวเองและรักษาอีกต่อไป

เรารู้ว่าอาการแพนิคมันไม่ได้หายง่าย ๆ คงต้องรักษายาว 8-12 เดือน และเมื่ออาการหายไปต้องกินยาต่อเนื่องอีก 8-12 เดือน เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอีก แต่ตอนนี้เราโอเคมาก ๆ เราพบว่าเรามีความสุขง่ายขึ้น เรากลับมาเป็นเราที่มีความสุขได้ แน่นอนมันมาจากยา และการทำจิตบำบัด เราฝึกฝนตัวเองให้เรียนรู้ที่จะมีความสุขอะไรสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มองโลกในแง่บวกบนพื้นฐานของความเป็นจริง

ในปี 2566 เราตั้งเป้าว่าเราจะมีความสุขกับปัจจุบันขณะตามที่เราอ่านมาจากหนังสือ ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ ที่พึ่งอ่านจบไป หนังสื่อเล่มนี้ทำให้เราได้เห็นว่า เราเองใช้ชีวิตเพื่ออนาคตมากจนเกินไป จนลืมปัจจุบันขณะ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เวลาเราไปเที่ยว เราต่างหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อเก็บโมเม้นต์นั้นไว้ดู หรืออัพโซเชียล แต่หนังสือตั้งคำถามว่า มีสักกีคนที่กลับมาดูรูปหรือคลิปที่เราถ่ายไว้ ? แทนที่เราจะกลับมาดูรูป ทำไมเราไม่ Enjoy Moment ณ ช่วงเวลานั้นไปเลยล่ะ หยิบมือถือมาถ่ายแค่บางช่วงเวลา แล้วมีความสุขกับปัจจุบันขณะซะ

ทุกคนอย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์แย่ ๆ แบบเรานาน ๆ อะไรไม่โอเค…รีบพาตัวเองออกไป

ดูแลตัวเอง โดยเฉพาะสภาพจิตใจ ที่เรามองไม่เห็น

ปีใหม่2566 - krapalm 20221231 192538 2 - ภาพที่ 2