[รีวิว] สรุปข้อคิดจากหนังสือ “อยากอยู่คนเดียว แต่ก็เกลียดความเหงา” [เล่มที่ 100 ของปี 2023]

อยากอยู่คนเดียว แต่ก็เกลียดความเหงา

เดินทางมาถึงหนังสือเล่มที่ 100 ของปี 2023 แล้ว เล่มนี้ชื่อว่า “อยากอยู่คนเดียว แต่ก็เกลียดความเหงา” ต้องขอบคุณทางสำนักพิมพ์ Bloom ที่ส่งมาให้อ่าน เล่มนี้เขียนโดย Jang Ma Eum (จางมาอึม) ผู้แปล กนกรัตน์ อรุณรัตนรุจรวี หนังสือที่บอกกับเราว่า ช่วงเวลาของการ “อยู่ตัวคนเดียว” ที่สมบูรณ์ดี กับการ “อยู่ด้วยกัน” กับใครสักคนอันแสนสนุกสนาน

สนใจหนังสือเล่มนี้ ซื้อได้ที่
– Lazada: https://shope.ee/6UuS5qANM0
– Shopee: https://s.lazada.co.th/s.9NKDu?cc

น้ำหนักของคำว่าเหงาของแต่ละคนแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงวัย วัยรุ่นอาจจะเหงาจากการที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่วุ่นวาย แต่เมื่อโตขึ้นชีวิตกลับวุ่นวายจนไม่ได้ให้เวลากับความสัมพันธ์ เป็นความเหงาที่ปนกับความเหนื่อยล้า การเอาตัวเองให้รอดและเลี้ยงดูคนสำคัญ เริ่มมีน้ำหนักมากกว่าการเสียเวลาให้กับความสัมพันธ์ การอยู่คนเดียวก็รู้สึกคล่องตัวดี แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งอดีตที่เราเคยมีช่วงเวลาดีๆ ก็หวนกลับมา เกิดเป็นความที่อยากแบ่งปันเสี้ยวหนึ่งในใจของเรา และเปิดรับความรู้สึกกับใครสักคน มาเติมเต็มกันและกัน

สรุปข้อคิดจากหนังสือ “อยากอยู่คนเดียว แต่ก็เกลียดความเหงา”

เวลาที่เราปล่อยวาง ต่อให้ปล่อยวางทิ้งทุกอย่างทั้งหมดไปแล้ว ก็ยังมีสิ่งที่ทำให้เราต้องยึดติดเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ

คนทุกคนใฝ่หาความสุข ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น ความสุขเป็นแรงจูงใจของการกระทำของทุกคน

ไม่มีสิ่งใดการันตีว่าเราจะได้หรือจะมีในสิ่งที่คนอื่นมีกัน

สิ่งที่คนที่พยายามรักตัวเองทำพลาดมากที่สุดคือ รักตัวเองที่กำลังรับบทบาทอะไรสักอย่าง ยิ่งเป็นคนที่อยากสมบูรณ์แบบ หรือมีความทะเยอทะยานมาก ก็จะกลายเป็นเหมือนอินกับบทบาทการแสดงจนแกะไม่ออก

ถ้ามีสิ่งที่ชอบมากๆ ถ้าอยากจะรักสิ่งที่รักมากๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็อย่าให้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน อย่างการดูละครที่ชอบมากๆ ดูบ่อยจนจำได้กระทั่งบทพูด สิ่งที่เหลือคือความน่าเบื่อ

ลองตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่จะทำให้สำเร็จได้ทีละเล็กทีละน้อยภายในระยะเวลาอันใกล้ จะได้ไม่รู้สึกว่าเป้าหมายอยู่ห่างไกล

ทุกคนที่ผ่านเข้ามาล้วนทิ้งบางอย่างเอาไว้ ความสัมพันธ์ที่ผ่านเข้ามาก็เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้วแน่นอนว่าย่อมมีสิ่งที่เหลืออยู่ เหมือนของที่ยึดมาได้จากศัตรูอะไรแบบนั้น

ไม่ต้องกลัวอนาคตที่ไม่แน่นอน ไม่มีอนาคตไหนที่มันแน่นอนได้หรอก พวกเราไม่รู้อนาคต ไม่มีทางรู้อยู่แล้ว เพราะยังไม่เคยเจอกับมัน

ชีวิตที่ไม่พยายามไม่ใช่การเป็นอิสระ อิสระคือสิ่งที่ได้มาด้วยความพยายาม

หาเวลาพักบ้าง การเอาแต่พุ่งไปข้างหน้า ถึงจะไปได้ไกลแต่ก็หาจังหวะพักไม่ได้เลย ถ้าพูดให้ชัดๆ ก็คือ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราพักได้หรือเปล่า ขนาดเครื่องจักรถ้าร้อนเกินไปยังต้องปิดสวิตช์พักให้เย็นลง แต่นี่เราไม่ใช่เครื่องจักรเสียหน่อย

ทำไมต้องแคร์สายตาคนอื่นมากขนาดนั้น พวกที่ชอบเราไม่ว่าเราจะทำตัวแบบไหนพวกเขาก็ชอบเรา ส่วนพวกคนที่ไม่ชอบเรา ไม่ว่าเราจะทำอะไรเขาก็ไม่ชอบอยู่ดี คนอื่นๆ เขาไม่สนใจเราอย่างที่คิดหรอก

ความหมายของการเป็นผู้ใหญ่ก็คือ การรู้จักยอมแพ้บ้าง

การพลั้งปากนั้นมีอยู่เสมอ เราทำอะไรไม่ได้หรอกกับคำที่พูดออกไปแล้ว อาจจะแสดงความรู้สึกผิดได้นิดหน่อย แต่ว่าคำเหล่านั้นที่พูดไปมันจบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ต่อไปก็แค่ต้องรู้จักระวังให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

การโทษตัวเองดูเป็นสิ่งที่แย่น้อยกว่าการโทษคนอื่นก็จริง แต่จริงๆ แล้วมันอาจเป็นการอนุญาตให้ตัวเองทำร้ายตัวเองก็ได้นะ เพราะอย่างนั้นเลิกคิดอะไรแบบนั้นเถอะ

ถ้าเกณฑ์ความสุขขึ้นอยู่กับภายนอก ก็จะทำให้เราเป็นทุกข์ได้นะ

คนเรามักจะสูญเสียการมองอย่างเป็นกลางในการมองเรื่องของตัวเอง แต่พอเป็นเรื่องของคนอื่นแล้วรู้สึกว่ามันเป็นปัญหาที่แก้ง่ายมากๆ

ถ้าเราเอาตัวเองไปแข่งขันกับคนอื่น มันไม่ง่ายเลยที่จะมีความสุข เพราะไม่ว่าจะเติบโตก้าวหน้ามากแค่ไหน มักจะมีคนที่ดีกว่าเราเสมอ ต่อให้เรากลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในสาขานั้นจริงๆ ก็ไม่ได้มีความสุขขึ้นมาเต็มที่ เพราะยังมีความไม่สบายใจ เดี๋ยวก็ต้องมีคนมาแซงหน้าเราไปได้สักวันหนึ่งอยู่ดี

เคยมองโลกนี้ผ่านรูเล็กๆ ไหม ไม่ต้องใส่แว่นก็มองเห็นได้ เพราะการมองในโลกแคบๆ นั้นจะเห็นได้เด่นชัด พวกคนที่เอาแต่มองอะไรเล็กๆ แคบๆ เป็นอย่างนั้นแหละ

คนเราทุกคนมีอคติอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่เราที่พยายามคิดอย่างปราศจากอคติเท่าไหร่ แต่ยังไงความคิดนั้นก็มีเรื่องมุมมองที่เป็นอคติส่วนตัวในระดับหนึ่งเข้ามาปนอยู่ดี

คำพูดปลอบประโลมอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะกระด้างหรือพูดไม่คล่อง แต่ความรู้สึกนั้นก็ถูกส่งต่อออกมาได้เพียงพอ

เราไม่สามารถเป็นที่รักของทุกคนได้ ต้องเข้าใจคำนี้ให้ได้ก่อนเพื่อที่จะอยู่โดยที่เป็นตัวเราเองได้ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เราไม่จำเป็นต้องพยายามทำตัวเป็นที่รักแบบนั้น

เราเป็นเพียงเราเท่านั้นไม่ได้เป็นอะไรบางอย่างของใคร แค่ทำเพียงส่วนของตัวเองให้ได้ก็พอ มากกว่านั้นคือความเกินตัวและความโลภ