[รีวิว] สรุปข้อคิดจากหนังสือ “เมื่อโลกเสียงดังเกินไป Calm in the Chaos” [เล่มที่ 102 ของปี 2023]

เมื่อโลกเสียงดังเกินไป

หนังสือเล่มที่ 102 ของปี 2023 ที่อ่านจบ คือหนังสือ “เมื่อโลกเสียงดังเกินไป Calm in the Chaos” เขียนโดย รวิศ หาญอุตสาหะ หรือที่เรารู้จักกันในรายการ Mission To The Moon

เราเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า โลกเราจะเสียงเบาลงสักนิดได้ไหมเพราะถ้าโรคนี้เสียงดังเกินไป ชีวิตเราจะเต็มไปด้วยการแจ้งเตือนที่ไร้ความหมาย

สนใจหนังสือเล่มนี้ ซื้อได้ที่
– Lazada: https://s.lazada.co.th/s.9tZFd?cc
– Shopee: https://shope.ee/9pB5OMjOSh

ในชั่วขณะหนึ่งที่คุณทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม นั่งจมซ่อมกับโมงยามที่เคลื่อนผ่าน ปล่อยให้ความเหนื่อยล้าเป็นผ้าห่มผืนหนาที่ห่อหุ้มตัวคุณเอาไว้ กระทั่งความคิดที่จะพาตัวเองลุกไปเทน้ำดื่มสักแก้วยังไม่มี

เชื่อไหมว่าเสียงภายนอกนั้นมีอิทธิพลกับเรามาก ลองย้อนกลับไปในชีวิตของเราดู แล้วทบทวนดูว่าเสียงภายนอกส่งอิทธิพลต่อเราแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเสียงของพ่อแม่ ญาติๆ เพื่อนๆ คนรัก ป้าข้างบ้าน เสียงเหล่านี้พาเราเดินไปทางไหนมาบ้าง

สรุปข้อคิดจากหนังสือ “เมื่อโลกเสียงดังเกินไป”

ถ้าคุณรู้สึกว่าเสียงภายนอกเรานั้นขัดกับสิ่งที่คุณอยากทำมากเหลือเกิน แนะนำว่าให้คุณทำในสิ่งที่คุณอยากทำเถอะ ท้ายที่สุดแล้วคนที่ต้องอยู่กับผลของการกระทำนั้นก็คือตัวคุณเอง

เสียงในหัวหรือความคิดเรามันไม่ใช่ตัวเราเวลาได้ยินความคิดในหัวอย่าเพิ่งเชื่อว่าความคิดนั้นจริง ต้องตั้งคำถามกับความคิดในหัวเราเสมอ เช่น ถ้าในหัวคิดว่า “แม่ไม่รักเราเลย” ลองตั้งคำถามว่า “แม่ไม่รักเราจริงๆหรอ” เมื่อลองพิจารณาสิ่งที่แม่ทำให้เรามาตลอดชีวิตก็จะพบเองว่าเสียงในหัวเราเมื่อครู่นี้มันไม่จริง

อย่าวางความสุขไว้ในมือของพลังจากภายนอก

เราไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเราได้ แต่เราสามารถควบคุมวิธีที่เราตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้นได้

เพื่อเข้าถึงความสุขเราต้องทำตัวให้มีค่า และจงนิยามคุณค่าของเราจากสิ่งที่สามารถควบคุมได้ เลิกยึดติดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แล้วจะมีชีวิตที่มีความสุขและอิ่มเอมได้มากขึ้น

คนที่สามารถทำให้ชีวิตสนุกได้ ย่อมมีแนวโน้มจะมีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น ความทรงจำที่สนุกของเรานี่แหละจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเรามีชีวิตที่ดีแค่ไหน

ไม่มีใครไม่มีเวลา ลองคิดดูให้ดี เราไม่มีเวลาจริงๆหรือแค่ทำตัวเองไม่มีเวลากันแน่ เลิกใช้เวลาอย่างไม่มีจุดหมายแล้วเปลี่ยนตัวเองกลับมาให้เวลากับสิ่งที่สำคัญในชีวิตอย่างแท้จริง

ไม่ใช่ทุกอย่างจะสำคัญเท่ากัน เวลาที่เรามีอะไรต้องทำเยอะแยะ เราแยกไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรสำคัญกว่าอะไร เพราะทุกอย่างดู ด่วน และ ต้องทำ เดี๋ยวนี้ไปหมด ลองตั้งคำถามกับชีวิตว่าอะไรกันแน่ที่สำคัญจริงๆ แล้วโฟกัสแค่สิ่งเหล่านั้นก็พอ

อนาคตของเราไม่ได้อยู่ที่การสร้างเป้าหมายใหญ่โตอลังการ แต่อยู่ที่การวางแผนสร้างนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน เพื่อเข้าใกล้เป้าหมายต่างหาก

พลังใจของเรามีจำกัด การเลือกใช้มันอย่างเหมาะสมจึงสำคัญ สิ่งที่ยากมากคือการใช้มันในจังหวะเวลาที่ถูกต้อง และด้วยความที่มันมีจำกัดมาก ยิ่งเราใช้มากเท่าไหร่ก็จะหมดไปเท่านั้น

เวลามีโอกาสผ่านเข้ามา ขนาดของแต่ละโอกาสนั้นไม่เท่ากัน คนช่างสังเกตจะโชคดีเพราะเขาสังเกตเห็นว่าโอกาสนั้นมีขนาดเท่าไหร่ แล้วค่อยวางกลยุทธ์ว่าจะทำอย่างไรกับมัน

ความสำเร็จของเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว การจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีนั้นสำคัญมากๆ

เวลาเราจะเริ่มทำอะไรเพื่อประหยัดเวลาโดยนำพาตัวเองเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เราต้องพยายามหาความรู้ติดกระเป๋าเอาไว้

เรื่องอะไรที่เราไม่ถนัดอย่าไปเสียเวลาทำ นอกจากจะทำได้ไม่ดีแล้ว หลายครั้งผลเสียจากการที่เราทำโดยไม่เข้าใจจริงๆ เสียหายหนักกว่าการไปจ้างมืออาชีพทำ

เวลาบนโลกของเราเหลือน้อยลงทุกที เราจึงควรต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร อะไรทำให้เรามีความสุขแบบที่ไม่ใช่สุขประเดี๋ยวประด๋าว แต่เป็นความสุขที่สงบและเย็น

เราต้องไม่ลืมว่าของทุกอย่างบนโลกนี้เป็นเรื่องชั่วคราวทั้งสิ้น หากบางอย่างเราไม่ไหวจริงๆ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้นแหละ

ควบคุมสิ่งที่เราควบคุมได้ แต่ขณะเดียวกันก็ปล่อยวางสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้

ถ้าเราใช้เวลากับคนคิดลบย่อมมีแนวโน้มสูงที่เราจะคิดลบไว้ก่อนกับทุกเรื่อง และส่งผลต่อสภาพจิตใจ ความเครียด และอาการซึมเศร้า ถ้าเราอยู่กับคนที่คิดบวกมองเห็นทางออกในทุกปัญหา สมองเราก็จะค่อยๆ ทำงานตามคนที่เราอยู่รอบตัว

การออกกำลังกายคือสิ่งที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสมองของคุณได้มากที่สุด ที่คุณสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้

ความสามารถในการมองเห็นว่าเรื่องอะไรคือเรื่องเล็ก เรื่องอะไรคือเรื่องใหญ่ คือสุดยอดเคล็ดลับอย่างหนึ่งในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ และการใช้ชีวิตให้มีความสุข

ฝึกเอ๊ะ หากพบอะไรไม่ชอบมาพากลต้อง “เอ๊ะ” ไว้ก่อนแล้วรีบตรวจสอบ เพราะหลายครั้งมันอาจไม่ได้แค่ช่วยรักษาเงินของเรา แต่อาจรักษาชีวิตของเราไว้ได้เลย

บทสนทนาที่กล้าหาญที่สุด ที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีได้ อาจเป็นบทสนทนากับตัวเอง

ทุ่มเทกับงานได้ แต่ต้องระวังอย่าให้กระทบกับเรื่องอื่นเพราะชีวิตของเรามีคุณค่ามากกว่าแค่เรื่องงาน

ชีวิตของเรามีแค่ 4,000 สัปดาห์เท่านั้นเอง เวลาในการทำอะไรร่วมกับคนที่เรารักไม่ได้มีมากมายอย่างที่คิด