[รีวิว] สรุปเนื้อหาหนังสือ “แค่คนเก็บตัว My Introvert Story” [เล่มที่ 13 ของปี 2023]

krapalm 2023 02 13 161948 2

หนังสือเรื่อง แค่คนเก็บตัว My Introvert Story เป็นหนังสือเกี่ยวกับคนที่เป็น introvert และหนังสือก็เขียนด้วยนักเขียนที่เป็น introvert แบบขั้นสุด โดยบอกเล่าเรื่องราวลักษณะนิสัยวิถีชีวิต ของคนที่เป็น introvert เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้วิธีเติมความสุขในแบบที่เราสะดวกใจ เรียนรู้สังคมและทัศนคติที่ยังคงมีอยู่ในด้านบวกและด้านลบ เรียกได้ว่าหนังสือเล่มนี้พูดแทนใจชาว introvert อย่างเรา ๆ ได้อย่างชัดเจน อ่านไปยิ้มไป พยักหน้าไป ตรงนี้ก็ตรง ตรงนั้นก็ใช่ นี่แหละคือสิ่งที่ introvert เป็น

หลายคนที่ติดตามเราก็จะรู้ว่าเราเองก็เป็น introvert เราเขียนเรื่องที่เกี่ยวกับ introvert อยู๋หลายเรื่อง หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนตัวแทนของตัวเรา บางครั้งก็รู้สึกเหมือนว่า หนังสือเล่มนี้เขียนมาเพื่อให้เราอ่านโดยเฉพาะ มันตรง มันใช่ที่สุด หนังสือ “แค่คนเก็บตัว My Introvert Story” ถือเป็นหนังสือเล่มที่ 13 ของปี 2023

เราชอบความหมายที่นักเขียนได้บอกเอาไว้ว่า ไม่ชอบคำว่า “คนเก็บตัว” เพราะคำว่า “คนไม่เก็บตัว” เรายังไม่ค่อยใช้กันเลย คำว่าคนเก็บตัวมักจะมีป้ายติดไว้หน้าผากว่าเป็นคนเฉื่อยชา ไม่รู้จักเข้าสังคม และมีความขี้อายไม่ กล้าสบตาคนอื่น ในขณะที่คำตรงข้ามของ “คนเก็บบตัว” ไม่ใช่คำว่า คนไม่เก็บตัว แต่เป็น “คนเข้าสังคมเก่ง” กระตือรือร้น มีความเป็นผู้นำที่ดี มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งดูไม่แฟร์เท่าไหร่นัก มันไม่ถูกต้องเท่าไหร่ที่ใครสักคนได้รับคำชื่นชมเพียงเพราะเขาเป็นคนเข้ากับผู้คนในสังคมได้ดี ในขณะที่คนที่ชอบอยู่กับตัวเองกับโดนนินทาลับหลังแบบนี้ยิ่งไม่ถูกต้องไปกันใหญ่

krapalm 2023 02 13 161948

แต่เราก็คงปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าในสังคมเราคนเป็น extrovert นั้นได้เปรียบกว่า อย่างไรก็ตาม อย่าปฏิบัติกับคนที่เป็น introvert ราวกับเขาเป็นคนอ่อนแอในสังคมเลย

รวมถึงบรรทัดฐานในสังคมที่กำหนดไว้ว่า คนเราต้องสามัคคีกัน และต้องเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายนั้น ไม่เป็นความจริงซะทีเดียว เพราะเป้าหมายแท้จริงแล้วพวกเขาแค่อยากให้สังคมสงบสุขและมั่นคงจึงกำหนดสิ่งเหล่านั้นมา

การอยู่คนเดียวก็เปรียบเสมือนงานอดิเรกอย่างหนึ่ง เหมือนคนที่ชอบว่ายน้ำ หรือเพลิดเพลินกับการตกปลา เพียงแค่คนที่เป็น introvert  มีความสุขกับงานอดิเรกในยามว่างที่ชื่อว่า “การอยู่คนเดียว”

มนุษย์มักเห็นแก่ตัวและส่วนมากมักคิดว่า สังคมที่ตัวเองอยู่และการกระทำของตัวเองนั้นเป็นมาตรฐานหลักของโลกใบนี้ หรือที่เราเคยได้ยินคำว่าโลกหมุนรอบตัวเอง แต่แท้จริงแล้วมนุษย์แต่ละคนล้วนมีความคิดและการให้คุณค่ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแตกต่างกันไป ช่วงเวลาที่มีความสุขและวิธีการเติมความสุขให้ตัวเองของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน

แต่จริง ๆ แล้วผู้เขียนก็ไม่ได้อยากขีดเส้นแบ่งระหว่างคนชอบเก็บตัวกับคนชอบเข้าสังคม เพราะทุกคนล้วนมีแนวโน้มอย่างใดอย่างหนึ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิด ผู้เขียนเองก็มีอีกมุมที่เป็น extrover อยู่เหมือนกัน จะพูดให้ถูกก็คืออยากพัฒนาตัวเองและอยากปรับตัวเข้ากับสังคมเหมือนกัน

แต่โลกก็อยู่ยากสำหรับชาว introvert  อยู่ดี โดยเฉพาะในเรื่องที่สังคมให้ความสำคัญกับความเห็นอกเห็นใจ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นิสัยง่าย ๆ สบาย ๆ ยิ่งเป็นคนเข้าสังคมง่ายก็จะถูกมองว่าการอยู่ร่วมกันคือธรรมชาติของมนุษย์คนทั่วไป ก็ยิ่งมองว่าคนนิสัยดีต้องเป็นคนที่สดใส และเข้ากับผู้อื่นได้ดี คนที่เป็นไม่ได้จึงถูกมองว่าแตกต่างไม่เหมือนคนอื่น และโดนเปรียบเทียบว่าเป็นตัวปัญหาหรือคนกลุ่มน้อยมากขึ้น

แต่อย่างน้อยก็เป็นเรื่องดีที่คนในสังคมเริ่มมองเห็นคุณค่าของคนที่เป็น introvert ต่างจากเดิมทีละเล็กทีละน้อย และมีคนที่เป็นอินเทอร์เวิร์ดหลายคนที่มีพลังและมีศักยภาพ